รวยเงินล้าน!!เกษตรกรไทยในมาเลย์ปลูกพืช-ผักขายได้ราคาดี

จากการเปิดเผยของนายสนิท ชมภูวงศ์ ลูกชาวสวนอำเภอบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน แหล่งผลิตสินค้าด้านการเกษตรที่ลือชื่อหลายชนิด โดยเริ่มต้นหลังจากจบการศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการเกษตรมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ระดับปริญญาตรี เริ่มเข้าทำงานที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ฮ่อม อ.พาน จ.เชียงรายได้ 8 ปี ลาออกไปเป็นนักวิชาการ การเกษตรที่ไหลหลำ ประเทศจีน ได้ 4 ปีเมื่อครบกำหนดกลับมาอยู่ที่บ้าน เข้าทำงานเป็นนักวิชาการให้กับเพื่อนชาวมาเลเซียที่เปิดบริษัทในเชียงใหม่ จำหน่ายสินค้าการเกษตรประเภทสารปรับสภาพดิน หรือเอนไซม์(Enzyme)อยู่สักพักหนึ่งทางบริษัทมีปัญหากับหุ้นส่วนคนไทย เกิดการฟ้องร้องกัน เพื่อนชาวมาเลเซียเกิดแพ้คดีสูญเงินไปกว่า 10 กว่าล้าน จึงเดินทางกลับไปบ้านเกิดที่มาเลเซีย
เมื่อตกงานจึงไปสมัครเข้าทำงานที่หน่วยจัดการต้นน้ำกาบ อ.นาน้อย จ.น่าน อยู่ได้ 4 ปีช่วงนั้นเพื่อนชาวมาเลเซียก็ได้โทรติดต่ออยู่ตลอดเวลา ถามว่าได้เงินเดือนเท่านั้น จึงตอบว่าได้เงินเดือนประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้น ทางเพื่อนก็ชวนไปทำงานในบริษัทเขาที่รัฐเคด้า เป็นนักวิชาการให้เงินเดือน 6 หมื่นบาท จึงตอบตกลงลาออกจากงานแล้วเดินทางไปทำงานที่บริษัทของเพื่อน ได้สักระยะหนึ่งจึงบอกให้เพื่อนหาพื้นที่ว่างเปล่าสักแปลงหนึ่งเพื่อทำการเกษตรไปด้วยตามที่ตนถนัด เพราะเห็นว่าที่ประเทศมาเลเซียมีพื้นที่ว่างหลังจากตัดต้นยางไปแปรรูป ซึ่งที่นี่เป็นประเทศส่งไม้ยางแปรรูปเป็นอันดับหนึ่งของโลก ก็จะเริ่มปลูกต้นยางใหม่ เช่นเดียวกับชาวสวนลำไยทางบ้านเรา เมื่อปลูกใหม่ๆก็จะมีช่องว่างทำเกษตรอย่างอื่นได้ เช่น ปลูกถั่วฟักยาว แตง พริก ฝักทอง ข้าวโพด มะเขือ แคนตาลูป เมล่อนฯลฯเป็นต้น ปลูกได้ประมาณ 3-4 ปี เมื่อต้นยางโตขึ้นก็หาที่ปลูกพืชผักพื้นที่ใหม่ ซึ่งพื้นที่ปลูกยางนั้นแต่ละแปลง มีไม่ต่ำกว่า 30-50 ไร่ เจ้าของให้ปลูกฟรีเพราะจะได้ดูแลต้นยางไปด้วย โดยไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายดูแลต้นยาง
ในช่วงปีแรกเพื่อนหาพื้นที่ที่มีทำเลที่เหมาะใกล้แหล่งน้ำ ได้แปลงหนึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ทำการเพาะปลูกพืชผักทุกชนิด โดยสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์จากประเทศไต้หวัน เพื่อนเป็นคนลงทุนให้ทั้งหมดให้เงินเดือนตามปกติเดือนละ 6 หมื่นบาท เมื่อขายผลผลิตได้ สมมุติว่าได้ 3 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เงินทุน ค่าใช้จ่าย(รวมเงินเดือนด้วย) ที่เหลืออีกส่วน เป็นกำไรแบ่งคนละครึ่งกัน เป็นต้น ส่วนแรงงานเป็นคนต่างชาติมาจาก เนปาล บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ในอัตราคาจ้างวันละ 40 ริงกิต(320 บาทไทย) ด้านแรงงานชาวมาลายู คนท้องถิ่น หรือชาวมาเลย์นั้นไม่มีเพราะเหมือนกับคนไทยที่ไม่นิยมทำงานด้านการเกษตร
สำหรับตลาดในประเทศมาเลเซีย สินค้าทางการเกษตรส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศไทย และขณะนี้สินค้าจากประเทศจีนเข้าตีตลาด เช่นเดียวกับไทยที่สินค้าด้านการเกษตรมาจากจีนเข้ามาตีตลาด เช่น หอม กระเทียม ทำให้ผลผลิตในประเทศไทยตกต่ำมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ผลผลิตที่มาเลย์ยังไม่มีปัญหาได้ราคาดี เช่น เมล่อน ขณะนี้เก็บผลผลิตได้วันละ 10-18 ตัน ขายกิโลกรัมละ 3 ริงกิต( 24 บาท )มีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน และวันนี้(18 ส.ค.2561)กำลังเก็บผลผลิตแตงกวา วันละ 2-3 ตัน กิโลกรัมละ 2 ริงกิตกว่า (18 บาท) ขายได้ราคาดีเหมือนกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น