ความเชื่อเหนือเหตุผล กรณี”สาปแช่ง”ของคนเมือง

มนุษย์ไม่ว่าจะถิ่นฐานใดในโลก มีบริบททางสังคมที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม สิ่งต้องห้ามซึ่งขัดต่อหลักศาสนา สื่อผ่านพิธีเผาพริก เผาเกลือ สาปแช่ง รวบรวมสิ่งอัปมงคลทั้ง ดินเชิงตะกอน 7 ป่าช้า ตะปูตอกฝาโลง หนังสัตว์ตายทั้งกลม มาร้อยประสานผ่านไสยเวทย์ มนต์ดำ ตามความเชื่อที่อยู่หนือเหตุผล
ไม่อาจพิสูจน์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากผู้กระทำพึงพอใจ ผู้ถูกกระทำกังวลต่อสิ่งเลวร้ายที่ถูกสาปส่ง
หากศึกษาพิธีกรรม สาปแช่ง ในเชิงวิชาการจะพบร่องรอย ความเชื่อ ความศรัทธาต่อพลังอำนาจเร้นลับ เหนือธรรมชาติ เคียงคู่สังคมไทยมาแต่อดีต หลักฐานที่เก่าแก่และชัดเจนที่สุดปรากฎผ่านวรรณคดี “ลิลิตโองการแช่งน้ำ” สมบัติวัฒนธรรมจากสมัยอยุธยาตอนต้น รัชสมัยพระเจ้าอู่ทอง เนื้อหานมัสการเทพเจ้า อันกอร์ปด้วยพระนารายณ์ พระอิศวร และพระพรหม ให้เหล่าข้าราชสำนัก หวาดหวั่นในอำนาจแห่งสมมติเทพ หากผิดจากคำสาบาน ต้องมีอันเป็นไป

การศึกษาผ่านงานวิจัย รวบรวม เก็บข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หลักฐานด้านพิธีกรรม ไสยเวทย์ในตำนานพื้นบ้านแต่ละภูมิภาค รวมถึงล้านนาศึกษา ไม่พบว่ามีการนำเอาหลักธรรม คำสอนทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง เอก สารรายงานปฐมบท ความเชื่อเรื่องผีในสังคมไทย อธิบายคำสาปแช่งโบราณของกลุ่มคนไทย-ลาว ในพงศาวดารล้านช้าง ความว่า ” ทำอะไรขอให้อย่าสำเร็จ ปลูกต้นไม้ไม่ได้กินลูกก่อนตาย ปลูกหวายไม่ได้ใช้ประโยชน์ก่อนตาย ปลูกหม่อนอย่าให้งอกงาม แช่งไม่ให้มีอายุยืน เดินทางไปไหนขอให้ฟ้าผ่า ไปป่าขอให้ถูกเสือตัวเท่าม้ากิน ลงน้ำขอให้ถูกเงือก (งู) ตัวเท่าเรือเอาตัวไป ”
เป็นแง่มุมที่สะท้อนถึงภาพสังคมในอดีต หากจะยกคำสาปแช่งที่ทันยุคนี้ ก็คงกล่าวมีว่า “ขอให้เกิดอุบัติเหตุ ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษ หรือแม้แต่ ธุรกิจ หน้าที่ การงาน ล่มจม ล้มเหลว หมดสิ้นอำนาจ เป็นต้น ”

พิธีกรรมสาปแช่งดั่งเงาลัทธิไสยเวทย์ มนต์ดำ ที่สังคมคนดีปกติทั่วๆไปปฏิเสธ เพื่อถือว่าเป็นหนทางที่เลวร้ายอันเกิดจากจิตใจที่ไม่เป็นกุศล เป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักทั่วไป มีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก แต่ ละชุมชนจะมีรูปแบบ พิธีกรรมแตกต่างกันไป เช่น วูดู ที่หมอผีแถวๆเฮติ ทำขึ้น และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ในแง่การตลาด สร้างหุ่นด้วยการแกะสลักไม้ หรือผ้า เป็นรูปคล้ายคน จากนั้นนำเข็ม ตะปูทิ่มแทงลงไป พร้อมคำสวดแต่ละลัทธิ

ในสังคมบ้านเราที่เห็นๆคือการปั้นหุ่นขี้ผึ้ง ฝังรูปฝังรอย ทำคุณไสย จะให้รัก ให้หลง เป็นเวทมนต์ กล คาถา อาคมอยู่ที่ความเชื่อ และสติปัญญา ซึ่งสังคมบางกลุ่มมองว่า ศาสตร์เหล่านี้ถ้าไม่เห็นผล จะมีการศึกษา เล่าเรียน ส่งผ่านวิชารุ่นต่อรุ่นได้อย่างไร เท่าที่ปรากฎ มักจะเห็นสำนักต่างๆ กอบโกยรายได้ จากความโง่ งมงายของผู้คน เป็นเดรัจฉานวิชา เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้นจากความทุกข์ เป็นสิ่งขวางกั้นหนทางสู่การหลุดพ้น และนำมาซึ่งความหายนะต่อผู้อื่นและตนเองได้
ปัจจุบัน ความเชื่อ ในการเล่นของ พิธีกรรม ทั้งจะเป็นมนต์ดำจากเขมรเสกหนังควายเข้าท้อง สารพัดสิ่งที่จะเสก หรือแม้แต่ ยาสั่ง ในแวดวงสังคมคนเมืองเหนือ อีสาน และญินทางใต้ ศาสตร์มืด มนต์ดำ พิธีกรรม อวิชชา สาปแช่ง มุ่งร้ายต่อผู้อื่นล้วนเป็นเรื่องของผี สิ่งเหนือธรรมชาติ ที่ยากจะพิสูจน์
กรณี เผาพริก เผาเกลือ สาปแช่ง ซึ่งขยายวงกว้างกระจัดกระจายทั่วบ้าน ทั่วเมืองไทย ในเวลานี้ ยิ่งสะท้อน ความเชื่อกฎผี มากกว่ากฎหมาย บางเรื่องยอมที่จะทนมา 4-5 ปี แต่บางกรณี ไม่ได้ดั่งใจ ก็รุมสาปแช่ง ลืมเลือนหลักศาสนาที่สอนว่า “ไม่มีสิ่งใดเหนือกฎแห่งกรรม” ยอมที่จะเชื่อ กฎผี มากกว่า กฎหมาย เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยยุค 4.0

ร่วมแสดงความคิดเห็น