กรมชลประทานเตรียมดำเนินการผันน้ำเข้าสู่เขื่อนภูมิพล

เตรียมผันน้ำจากแม่น้ำยวมตอนล่าง บริเวณ อ.สบเมย ไปตามท่ออุโมงค์ความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร เข้าสู่เขื่อนภูมิพล ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เสริมความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน วันนี้ 8 ก.ย.61 ราษฎรตำบลแม่สวด อ.สบเมย ตัวแทน ฉก.ทพ.36 ค่ายเทพสิงห์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะสื่อมวลชน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปโครงการศึกษาทบทวนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนภูมิพล ทั้งทางด้านวิศวกรรม สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยมี นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายวิชาการ เป็นผู้บรรยายสรุปในครั้งนี้ ณ บริเวณจุดชมวิวแม่น้ำสองสี อุทยานแห่งชาติแม่เงา ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งกรมชลประทาน ได้ข้อสรุปการศึกษาโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล โดยการผันน้ำจากลุ่มน้ำสาละวินจากที่มีปริมาณน้ำอยู่ในประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 8,937 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะไหลลงสู่ทะเลโดยเปล่าประโยชน์ จะนำมาผันเติมเข้าเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ซึ่งได้แจ้งว่าจากผลการศึกษา มี 2 แนวทาง ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แนวทางที่หนึ่ง คือ การผันน้ำจากลำน้ำยวมตอนล่าง ที่บริเวณ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน จะมีการสร้างเขื่อนหินถมดาดคอนกรีต เพื่อสูบน้ำไปตามท่ออุโมงค์ความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร ไปยังอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล ที่ อำเภอดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ส่วนแนวทางที่สอง คือการผันน้ำจากแม่น้ำเมย ไปตามท่ออุโมงค์ความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร ลงลำน้ำแม่ตื่นด้วยระยะทาง 35 กิโลเมตร เพื่อไปลงอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายวิชาการ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ทางคณะผู้เชี่ยวชาญจากทีมที่ปรึกษาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวทางการผันน้ำจากแม่น้ำแม่ยวมตอนล่างมาเติมในเขื่อนภูมิพล มีความเป็นไปได้มากกว่า แต่เพื่อสร้างความมั่นใจประกอบการตัดสินใจในเชิงนโยบายของรัฐบาล กรมชลประทานจึงได้ทำการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้ง 2 แนวทาง เพื่อคัดเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ผลักดันให้เป็นจริง ซึ่งแม้การดำเนินโครงการดังกล่าว จะใช้เงินลงทุนที่สูง แต่ให้ผลตอบแทนด้านความมั่งคงของทรัพยากรน้ำแก่ประเทศได้มาก โดยจะเพิ่มปริมาณน้ำได้ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ส่งผลให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ในระยะยาว ด้านนายเจแฮ พิมพ์วรรณธนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สวด เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวฯ หากได้สร้างสำเร็จแล้วทางพื้นที่ภาคกลางได้ใช้ประโยชน์จากน้ำมากกว่า ซึ่งคนในพื้นที่ ต.แม่สวดก็ควรจะได้ใช้ประโยชน์จากน้ำที่ผันไปด้วยเช่นกัน โดยต้องการให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ให้ทุกหมู่บ้านเพื่อให้ได้มีน้ำใช้ตลอดทุกฤดูกาล นอกจากนี้ในส่วนของราษฏรที่ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน ถนนหนทาง เจ้าของโครงการควรดูแลและชดเชยให้กับราษฏรที่ได้รับผลกระทบซึ่งเป็นการเสนอแนะที่ทางชุมชนได้แจ้งให้กับเจ้าของโครงการก่อนหน้านั้นแล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการขยายระยะเวลาการดำเนินงานของยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จาก 12 ปี เป็น 20 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2560-2579) โดยได้วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ รวมทั้งปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิม โดยโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างความมั่นคงของด้านทรัพยากรน้ำของประเทศ ซึ่งคาดว่า โครงการดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2564

ร่วมแสดงความคิดเห็น