วัดผะเลิด!!ชาวเชียงใหม่น้อยคนนัก ที่จะรู้จักวัดเก่าแก่ ริมธารน้ำห้วยแก้ว

ในอดีตชาวล้านนามีความผูกพัน กับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานพอสังเขปดังนี้ จากปาฏิหารย์ที่องค์พระบรมสารีริกธาตุ วัดสวนดอก แยกออกเป็น 2 องค์ ทำให้พระเจ้ากือนา หรือพญาธรรมิกราช กษัตริย์ล้านนา รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย ทรงครองราชย์ ระหว่าง พ.ศ.1898-พ.ศ.1928 ผู้ครองราชย์ในสมัยนั้น คิดหาสถานที่ที่จะสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่ง

พระเจ้ากือนา จึงทรงทำการเสี่ยงทายในวันวิสาขบูชา ทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคล ถ้าช้างไปหยุด ณ จุดใด ก็จะใช้สถานที่นั้นเป็นที่สร้างวัด เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ช้างเสี่ยงทายเริ่มเดินออกจากวัดสวนดอก บ่ายหน้าขึ้นสู่ดอยสุเทพไปจนถึงยอดชั้นที่ 1 ชื่อดอยหมากขนุน หรือดอยช้างนูน และขึ้นต่อไปถึงยอดชั้นที่ 2 ชื่อดอยสนามยอด หรือดอยสามยอด ระหว่างทางช้างเกิดสั่นและหยุดพักช่วงหนึ่ง พระเจ้ากือนา จึงโปรดให้สร้างขึ้น ณ จุดที่ช้างพัก ซึ่งเป็นที่ตั้ง”วัดผาลาด” นั่นเอง

วัดผาลาดเดิมสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้ากือนา เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสี่ยงทายเพื่อหาสถานที่สำ    หรับประดิษฐานพระบรมธาตุ ตามตำนานสร้างพระธาตุดอยสุเทพ ช้างที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนั้น ได้เดินทางมุ่งตรงไปทางดอยอ้อยช้าง ทิศตะวันตกของเมือง พระเจ้ากือนาพร้อมทั้งพญาลิไทยจากเมืองสุโขทัย และเหล่าเสนาอำมาตย์ ก็แห่ฆ้อง กลอง ตามหลังช้างไป เมื่อไปถึงยอดดอยแห่งหนึ่งช้างก็หยุดและย่อเข่าลง พระเจ้ากือนาพร้อมทั้งบริวาร ต่างเห็นพ้องกันว่าควรประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ณ ที่นั้น

ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น ช้างก็ลุกขึ้นเดิน และหยุดย่อเข่าลงอีก (ภาษาเหนือเรียกอาการของช้างว่า ยอบลง) ช้างทำกิริยาอย่างนี้ 3 ครั้ง แล้วเดินต่อไปถึงผาลาดหรือห้วยผีบ้า ข้างธารน้ำตกมีที่ราบเป็นบริเวณกว้าง จึงหยุดพักอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงดอยอ้อยช้าง และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ณ สถานที่นั้น คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ อ.เมืองเชียงใหม่ ในปัจจุบัน
วัดผาลาดเป็นวัดป่า 1 ใน 3 วัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย วัดแห่งนี้มีประวัติ ศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี เคยถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าไป แต่ก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ให้มีสถานภาพเป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม ส่วนสาเหตุที่ตั้งชื่อว่าวัดผาลาดนั้น ผู้เฒ่า ผู้แก่บางท่านเล่าว่า เดิมเรียกว่า “ผะเลิด” เพราะคนที่ดินตามช้างมาตามลำธารน้ำตก แล้วเกิดลื่นหกล้มกันหลายคน บ้างก็ว่าช้างก็ลื่นเหมือนกัน จึงให้ชื่อว่า”วัดผะเลิด” ต่อมาเรียกว่าวัดผาลาด นั้นเอง
ปัจจุบันในวัดผาลาด ยังมีโบราณสถานเก่าแก่ ที่ยังสามารถพบเห็นได้ ถึงแม้ว่าวันเวลาจะผ่านมานาน เช่น วิหาร เจดีย์ พระพุทธรูป บ่อน้ำทิพย์และอื่นๆอีกมากมาย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติแวะเวียนมาเยี่ยมชมวัดผาลาดแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย ประกอบกับบริเวณวัด มีสายน้ำห้วยแก้วไหลผ่านตลอดทั้งปี ก่อนจะไหลลงสู่น้ำตกห้วยแก้ว จึงทำให้วัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยอยู่ ท่ามกลางธรรม ชาติ และยังสามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ทางคุณนัท นักธุรกิจสาวชาวกรุงเทพฯ เล่าให้กับผู้สื่อข่าวเชียงใหม่นิวส์ออนไลน์ ว่าเคยมาท่องเที่ยวเชียงใหม่บ่อยครั้งเหมือนกัน และวันนี้ได้มีโอกาสมาเชียงใหม่ และก่อนหน้านี้เพิ่งกลับมาจากวัดเจดีย์ หลวงฯ วัดพระธาตุดอยคำ และที่วัดผาลาดแห่งนี้เป็นครั้งแรก ทั้งที่ได้ยินชื่อวัดผาลาดมานาน เมื่อมาแล้วรู้สึกประทับใจมาก ที่วัดตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศก็สดชื่นเย็นสบาย และโอกาสหน้าก็จะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วัดผาลาด หรือวัดผะเลิด ในอดีตนั้นตั้งอยู่หลัก กม.ที่ 4 ถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯเริ่มตั้งแต่ลานอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย เมื่อพูดถึงวัดผาลาดแล้ว เชื่อว่ามีชาว จ. เชียงใหม่ และจากจังหวัดอื่นๆจะไม่ค่อยรู้จักกัน เพียงเป็นวัดทางผ่านขึ้นสู่วัดพระธาตุด้วยสุเทพฯ จึงไม่มีใครได้แวะเวียนเข้ามาสัมผัสวัดเก่าแก่แห่งนี้เท่าใดนัก

ร่วมแสดงความคิดเห็น