สุดอันตราย! สมุนไพรช่วยลดน้ำตาลในเลือด“ป่าช้าเหงา” ทานมากอาจช็อกเสียชีวิตได้

งานวิจัยหนานเฉาเหว่ยในสัตว์ทดลองและการใช้หนานเฉาเหว่ยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่า หนานเฉาเหว่ยมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลดความเข้มข้นของน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดของคนที่เป็นโรคเบาหวานและในคนปกติ เเต่หารู้ไม่ว่า หากกินมากเกินไปหรือกินไม่ถูกวิธี อาจเกิด น้ำตาลตก น็อคจนเสียชีวิตได้

โดยทางเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้อธิบายข้อมูลไว้ดังนี้

1.ลดน้ำตาลในเลือด
2.ลดไขมันในเลือด
3.ลดน้ำหนัก
4.ลดความดันโลหิต
5.มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
6.ปกป้องตับ (แต่หากเป็นโรคตับ ไม่แนะนำให้ทาน)
7.ปกป้องไต (หาก GFR หรือค่าการทำงานของไตต่ำกว่า 60 ไม่แนะนำให้ทาน)
8.กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
9.แก้ปวด ลดอักเสบ
10.ต้านเชื้อแบคทีเรีย
11.ต้านเชื้อปรสิต
12.เพิ่มคุณภาพของสเปิร์ม
13.คนพื้นบ้านทานเพื่อแก้ไขมาลาเรีย
14.คนในแอฟริกา และลิงชิมแปนซีกินเพื่อขับพยาธิ

ขนาดรับประทานที่แนะนำ
กินเป็นอาหาร
เช่น ใช้รองกระทงห่อหมกแทนใบยอ ยำดอกขจรใส่ดอกป่าช้าเหงา คนพื้นบ้านนิยมกินช่วงเปลี่ยนฤดู ปลายฝนต้นหนาว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ให้เจ็บป่วย
*** นิยมนำมาลวกน้ำร้อนก่อนรับประทาน เพื่อลดความขมและลดฤทธิ์ยา วันละ 3-5 ใบ

กินเป็นยา เช่น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือกินบำรุงร่างกาย
– กินใบสด ถ้ากินใบใหญ่เท่าฝ่ามือ วันละ 1 ใบ กินบ้างหยุดบ้าง เช่น กินวันเว้นวัน หรือ 2-3 วันกินที ถ้าจะกินทุกวัน แนะนำวันละ 1-2 ใบเล็กๆ ติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือน อาจเว้น 1 เดือน แล้วเริ่มกินใหม่
– ต้มกิน ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มพอเดือด 3-5 นาที ดื่ม 250 มิลลิลิตร
ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้าง
*** ไม่แนะนำให้กินทุกวัน หรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น
[จากการใช้ของคนไทใหญ่และทางใต้ มักกินไม่เกินวันละ 5 ใบ]

ข้อห้ามใช้
– ห้ามใช้ในคนไข้กินยาละลายลิ่มเลือดชื่อวาร์ฟาริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยา
– ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์
– ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง (ผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่าหากค่าการทำงานของไต GFR < 60 ไม่ควรกิน)
เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยในการใช้ในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว

ข้อควรระวัง
– ไม่ควรกินเป็นยา ในผู้ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุมความดันโลหิตได้ดีอยู่แล้ว
* สมุนไพรไม่ได้ทำให้โรคดังกล่าวหายขาด
ห้ามหยุดยาแผนปัจจุบัน ห้ามขาดการรักษา
ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ความดันตก (BP < 90/60 มิลลิเมตรปรอท อาจมีวิงเวียน หน้ามืด) น้ำตาลตก (ระดับน้ำตาล < 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจมีวิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น
เหงื่อกออก) ต้องหยุดกินทันที !!! จากรายงานการใช้ พบว่าให้ผลลดความดันและน้ำตาลได้เร็วและลดได้มาก ในผู้ป่วยบางราย
– ระวังการใช้ในผู้ป่วยเลือดจาง เนื่องจากบางรายงานพบฤทธิ์ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
(Haemolytic properties) แต่บางรายงานก็ไม่พบผลดังกล่าว
– พบพิษต่ออัณฑะในหนูเพศผู้ เมื่อใช้ติดต่อกัน 56 วัน ระวังการใช้ติดต่อกันนานหรือเข้มข้น
ในชายวัยเจริญพันธุ์

ขอบคุณรูปจาก เว็บกระปุก เเละข้อมูลจาก เพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร

ร่วมแสดงความคิดเห็น