วัดอินทขีลสะดือเมือง กราบไหว้หลวงพ่อขาว อายุกว่า 700 ปี

วัดอินทขีลสะดือเมือง จ.เชียงใหม่ หรือ วัดสะดือเมือง เป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ศาลากลางหลังเก่า) และ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพญามังราย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล (เสาหลักเมืองเชียงใหม่) ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเหนือ กล่าวถึงพระอินทร์ได้ประทานเสาอินทขิลให้แก่ชาว ลัวะเพื่อบูชา เมื่อครั้งก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ สมัยพญามังรายได้ทรงสร้างวัดสะดือขึ้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง หรือเสาอินทขิล ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเหนือ กล่าวถึงการบูชาเสาอินทขิลไว้ว่า พระอินทร์ได้ประทานให้ลัวะในสมัยการสร้างเวียงนพบุรี โดยเศรษฐีลัวะ 9 ตระกูล พระฤาษีให้กุมภัณฑ์ 2 ตน เอาเสาอินทขิลใส่สาแหรกหามนำไปประดิษฐานไว้ ณ แท่นกลางเมืองนพบุรี ให้ชาวเมืองของลัวะสักการะบูชา ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองร้าง
กระทั่งพญามังราย ได้สุบินนิมิตรไล่ตามกวางเผือก จนมาพบชัยภูมิที่ดี จึงมีดำริจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ พ.ศ.1835
ก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายได้มาสำรวจพื้นที่บริเวณเมืองนพบุรีร้าง ได้พบซากเสาอินทขิลและรูปกุมภัณฑ์ ณ ที่กลางเมืองนั้น จึงมีบัญชา ให้เสนาชื่อ สรีกรชัย แต่งเครื่องบรรณาการไปหาพญาลัวะบนดอยสุเทพ พญาลัวะจึงแนะนำว่า หากเจ้าพญามังรายจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ให้อยู่เย็นเป็นสุขก็ให้บูชากุมภัณฑ์และเสาอินทขิล เมื่อพญามังรายสร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่แล้ว จึงโปรดให้ยกรูปกุมภัณฑ์และเสาอินทขิล ที่ประดิษฐานในบริเวณสะดือเมืองขึ้นมา เพื่อให้คนสักการะกราบไหว้ตามคำแนะนำของพญาลัวะต่อมาจึงได้สร้างวัดขึ้นชื่อว่า วัดอินทขีล แต่เนื่องจากว่าวัดนี้ตั้งอยู่บริเวณสะดือเมือง ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดสะดือเมือง ในตลอดรัชสมัยของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย วัดสะดือเมืองได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นโดยลำดับ ก่อนที่จะเป็นวัดร้างภายหลังล้านนาถูกพม่าเข้าปกครอง จนถึงปี 2343 พระเจ้ากาวิละ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์แรก ได้ขับไล่พม่าออกจากดินแดนล้านนาและได้ฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ขึ้น ได้ย้ายเสาอินทขิลจากวัดอินทขีลมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวง พร้อมกับบูรณะฟื้นฟูวัดอินทขีล โดยได้สร้างวิหารคล่อมฐานเดิม อัญเชิญพระอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) มาประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหาร
องค์พระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม และวิหารพระเจ้าอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) วัดอินทขีล หรือ วัดสะดือเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นของประวัติศาสตร์ล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 19 ประกอบด้วยโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม พงศาวดารโยนกและตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่าบริเวณที่สร้างเจดีย์แปดเหลี่ยม เคยเป็นสถานที่พญามังรายต้องอัสนีบาตสวรรคต ต่อมาพระยาไชยสงคราม ราชโอรสทรงสร้างเจดีย์บรรจุพระอัฐิไว้ จากรูปแบบสถาปัตยกรรมของพระเจดีย์ที่ปรากฏอยู่ภายในบริเวณศาลากลางหลังเก่า เป็นเจดีย์ทรงกลมผสมเรือนธาตุแปดเหลี่ยม องค์ระฆังคว่ำ ซึ่งนิยมสร้างกันมากในสมัยหริภุญชัย ซึ่งพบที่วัดจามเทวี จ.ลำพูน ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่า เจดีย์ดังกล่าวน่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน คือราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19
เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ด้านหลังวิหารพระเจ้าอุ่นเมือง(หลวงพ่อขาว) เป็นเจดีย์ ทรงกลมฐานสี่เหลี่ยม มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 แต่เจดีย์องค์ในที่ถูกห่อหุ้มเป็นเจดีย์แบบสี่เหลี่ยม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากหริภุญชัยคือ เจดีย์เชียงยันในวัดพระธาตุหริภุญชัย
วิหารพระเจ้าอุ่นเมือง(หลวงพ่อขาว) ตามตำนานเชื่อว่า วัดอินทขีลเป็นสถานที่พญามังรายต้องอัศนีบาตจนสิ้นพระชนม์ สำหรับวิหารของพระเจ้าอุ่นเมืองนั้น คงสร้างขึ้นคล่อมฐานเดิมพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์องค์นอก ที่ห่อหุ้มองค์ในประมาณ พ.ศ.2380 สมัยของพระเจ้ากาวิละ ลักษณะเป็นวิหารโถง ผังเดิมเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีหลวงพ่อขาวประดิษฐาน เป็นพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

ร่วมแสดงความคิดเห็น