“15 ตุลาคม วันล้างมือโลก” ป้องกันภัยจากโรคติดต่อทางเดินอาหาร

กรมอนามัย ส่งเสริมการสร้างพฤติกรรม ล้างมืออย่างถูกวิธีให้เป็นนิสัย ป้องกันภัยจากโรคติดต่อทางเดินอาหาร เนื่องในวันล้างมือโลก
นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 15 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันล้างมือโลก (Global Hand Washing Day)เพื่อรณรงค์สร้างความรู้ ความตระหนักและกระตุ้นให้เด็ก เยาวชนและประชากรทั่วโลก มีการล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีเป็นประจำ ช่วยลดพาหะนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และป้องกันโรคต่างๆ อาทิ โรคติดต่อทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง โรคตับอักเสบชนิดเอ โรคบิด อหิวาตกโรค เป็นต้น
วันล้างมือโลกในปี 2561 นี้ ได้เน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบ “ขอให้ทุกคนมีมือที่สะอาด : Let’s give everyone a clean hand” ไม่ใช่เพียงการเตือนให้ทราบว่า การล้างมือเป็นการป้องกันสุขภาพ แต่ยังรวมถึงเป็นการ “สร้างอนาคตสุขภาพ ด้วยมือเรา” ซึ่งต้องสร้างพฤติกรรมด้านสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีเป็นประโยชน์ต่อตัวเรา ครอบครัวและชุมชน ข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ พบว่าในแต่ละปี มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก เสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วง ราว 3.5 ล้านคน และโรคปอดบวม ร้อยละ 25
ส่วนประเทศไทย เด็กนักเรียนเป็นกลุ่มวัยที่ต้องให้ความสำคัญต่อการล้างมือมากเป็นพิเศษ เพื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขอนามัยที่ดี เนื่องจากเด็กวัยนี้นิยมเล่นของเล่น หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ยิ่งในช่วงนี้ที่มีฝนตก จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะมืออาจจะสัมผัสกับน้ำสกปรก หากไม่มีการล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสร่างกาย อาจจะทำให้เสี่ยงนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้
ผลการสำรวจพฤติกรรมที่พึงประสงค์เด็กวัยเรียน ปี 2560 ของกรมอนามัย ในกลุ่มเด็กนักเรียน อายุ 10 ปี และ 12 ปี พบว่าเด็กอายุ 10 ปี มีการล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร ร้อยละ 53.1 ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หลังเข้าห้องส้วม ร้อยละ 67.6 เด็กอายุ 12 ปี มีการล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร ร้อยละ 45.4 ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หลังเข้าห้องส้วม ร้อยละ 76.2
การล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธี เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ควรล้างมือทั้งก่อนทำอาหาร ก่อนกินอา หาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังหยิบจับสิ่งสกปรก ก่อนและหลังเยี่ยมผู้ป่วย หลังสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง และหลังกลับจากนอกบ้าน แต่ในกรณีที่ไม่สะดวกล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก็สามารถใช้เจลล้างมือแทน ซึ่งหาซื้อได้ง่ายและพกติดตัวได้ตลอดเวลา
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ร่วมแสดงความคิดเห็น