เที่ยวป่ากางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาว ระวังตัวไรอ่อนกัด เสี่ยงโรคไข้รากสาดใหญ่ 9 เดือนพบผู้ป่วยกว่า 7,000 คน เสียชีวิต 4 คน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีอากาศเย็น และจะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เชื่อว่าคงมีประชาชนจำนวนมากที่ต้องการไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติและอากาศเย็นบนภูเขาสูง
ขอแนะนำการดูแลสุขภาพนอกจากจะต้องดูแลร่างกายให้อบอุ่นป้องกันการเจ็บป่วยจากไข้หวัดแล้ว ขอให้ระมัดระวังการถูกตัวไรอ่อนกัดด้วย เพราะหากถูกตัวไรอ่อนกัด จะทำให้เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2561 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้รากสาดใหญ่ 7,192 คน มีผู้เสียชีวิต 4 คน จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ แม่ฮ่องสอน ตาก น่าน เชียงราย และเชียงใหม่โรคไข้รากสาดใหญ่ หรือสครับไทฟัส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะ ไรอ่อน ปกติเราจะมองไม่เห็นเพราะมีขนาดเล็กมาก มักอาศัยอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้า ใกล้กับพื้นดิน เมื่อคนไปเหยียบพื้นที่ที่ไรอ่อนอยู่ ไรอ่อนจะกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าและกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า
ส่วนใหญ่คนจะถูกกัดบริเวณรักแร้ ขาหนีบ รอบเอว หลังถูกไรอ่อนกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีอาการปวดศีรษะที่ขมับและหน้าผาก มีไข้สูงตลอดเวลา หนาวสั่น ตาแดงคลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย บริเวณที่ถูกกัดเป็นแผลบุ๋มสีดำคล้ายรอยไหม้จากบุหรี่จี้ พบผื่นแดงตามร่างกายและแขนขา แต่จะไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ อาจทำให้เสียชีวิตได้คำแนะนำสำหรับประชาชนที่จะไปเที่ยวตั้งแคมป์ นอนป่า รับอากาศเย็น ควรกางเต็นท์ในบริเวณโล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า พุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือหญ้าที่ขึ้นรก ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และทาโลชั่นกันยุงที่มีส่วนผสมของสาร DEET หรือใช้สมุนไพรทากันยุง ซึ่งสามารถป้องกันตัวไรอ่อนกัดได้
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

ร่วมแสดงความคิดเห็น