ท่องแดนมูเจะคี ป่าสนผืนใหญ่ วิถีแห่งปกาเกอะญอ “โครงการหลวงวัดจันทร์”

เส้นทางที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ระยะทางไกล หมายเลขทางหลวง107(แม่ริม-สะเมิง-บ่อแก้ว-วัดจันทร์)เส้นทางที่จะได้อรรถรสของการขับขี่ จากสถาพถนนในแบบต่างๆตั้งแต่ถนนคอนกรีต ดินลูกรัง หลุมบ่อ ฝุ่นดินแดง ขึ้นลงป่าเขาด้วยความยากลำบากของการเดินทาง แต่พระองค์ได้ทรงนำความสุขมาบำบัดทุกบำรุงสุขให้ราษฎรชาวชาววัดจันทร์ใน “โครงการหลวงวัดจันทร์”
อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันในนามของ วัดจันทร์ เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวปกาเกอะญอ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ชุมชนบ้านจันทร์ หรือ ชุมชนบ้านวัดจันทร์ ชาวปกาเกอะญอจะเรียกดินแดนนี้ว่า “มูเจะคี” ซึ่งมีความหมายว่า “ต้นน้ำแม่แจ่ม” เนื่องจากป่าไม้ที่นี่ เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยเล็กๆ หลายสาย ที่ไหลไปรวมกันเป็นต้นน้ำแม่แจ่ม และไหลไปรวมกับแม่น้ำปิง ก่อนที่จะรวมตัว ปิง วัง ยม น่าน กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นเลือดสายใหญ่ของคนภาคกลาง

ด้วยพื้นที่เป็นเนินเขาและภูเขาที่สลับซับซ้อน เป็นป่าสนเขา สนสองใบ และสนสามใบ เป็นผืนป่าสนที่ใหญ่อายุกว่า 100 ปี บนความสูง 960 เมตร ที่สมบูรณ์ของประเทศ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ทั้งพืชไร่ พืชผัก และไม้ผลเมืองหนาว ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ จึงได้เข้ามาช่วยพัฒนาการประกอบอาชีพของชาวบ้านให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ หรือ โครงการหลวงวัดจันทร์ นั้นกำเนิดขึ้นภายหลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวเขา ในเขตหมู่บ้านวัดจันทร์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2522 และได้ทรงทราบถึงความทุกข์ยากของชาวเขาในพื้นที่ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาบ้านวัดจันทร์ และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ภายในศูนย์เราจะสังเกตเห็นต้นสนแต่ละต้นสูงใหญ่ยืนต้น แหงนดูจนสุดคอเลยน่าราวๆตึก 3-4 ชั้นได้ กิจกรรมแรกเริ่มต้นเที่ยวชมแปลงสาธิตพืชผักไม้เมืองหนาว บ๊วย พลับ พลัม สาลี่ แล้วมาที่แปลงผักเกษตรพืชผักหลากสี เช่น แรดิชิโอ,สวิสชาร์ด,อาร์ติโช๊ค,ฟักทองทองมินิ,กระเทียมต้น มาชมงานปศุสัตว์บนพื้นที่สูงที่เลี้ยงไว้มี กระต่าย, กวาง,ไก่หลากหลายสายพันธุ์ แพะ และแกะ ที่น่ารักน่าเอ็นดู

วัดจันทร์ ภายในวัดจะมี วิหารแว่นตาดำ วิหารที่มีลักษณะเหมือนสวมแว่นตาดำอยู่หน้าวิหาร สร้างมาประมาณ 80 ปี โดยช่างชาวกะเหรี่ยงหรือชาวปกาเกอะญอ โดยเหตุผลเพราะ วิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พื้นวิหารเทพื้นปูน ฝาวิหารด้านข้างฉาบปูน ส่วนประตูด้านหน้าวิหารรวมทั้งจั่ววิหารด้านหน้าส่วนหนึ่ง ทำด้วยแผ่นไม้สักปิดบังแสงแดดไว้หมด
ขณะนั้นช่างเห็นว่าหากปิดด้านหน้าวิหารหมด จะไม่มีแสงแดดให้แสงสว่างในวิหารได้ จึงมีเจตนาว่าจะเปิดด้านหน้าวิหารบริเวณจั่ววิหาร ให้แสงแดดเข้ามาข้างในวิหารได้บ้าง จึงเจาะแผ่นไม้บางส่วนของจั่วออกเพื่อจะได้รับแสง โดยช่างตั้งใจจะทำให้เหมือนดวงตา แต่พอทำเสร็จมีลักษณะคล้ายแว่นตา จึงปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น ก่อนนั้นไม่ได้นำกระจกมาสวมใส่แต่อย่างใด แต่เป็นห่วงทรัพย์สินในวิหารที่มีพระประธานเป็นพระสิงห์ 3 อายุกว่า 300 ปี และพระพุทธรูปองค์อื่นๆ อีกจำนวนมาก กลัวว่าจะสูญหาย ต่อมาจึงนำกระจกกรองแสงสีดำมาติดอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นวิหารสวมแว่นตา
ความห่างไกลที่ยังคงรักษาความงามของธรรมชาติ และผู้คนให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ใต้อ้อมกอดของ มูเจะคีการเดินทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงสามแยกบ้านแม่มาลัย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1095 (แม่มาลัย-ปาย) ถึงสามแยกบ้านท่าปาย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1265 จนถึงบ้านวัดจันทร์ รวมระยะทางประมาณ 165 กม.

ร่วมแสดงความคิดเห็น