“เซิ่นเจิ้น” ดินแดนแห่งการช็อปปิ้ง

เมืองเซิ่นเจิ้น ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความทันสมัย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง อันประกอบไปด้วย 4 เมืองหลักคือ กวางเจา ซัวเถา จูไห เซิ่นเจิ้น กล่าวกันว่าในอดีตเมื่อราว 50 ปีก่อน เมืองเซิ่นเจิ้นเป็นแหล่งที่อยู่ของชาวประมงจีน ที่ออกเรือหาปลาอยู่ในทะเลจีนใต้ ส่วนบริเวณพื้นที่ราบลุ่มเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวผสมกับไร่ลิ้นจี่ ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของเมืองเซิ่นเจิ้น กระทั่งปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นชาลิ้นจี่ (หยางกุ้ยเฟย) ส่งออกจำหน่ายไปทั่วโลก

เซิ่นเจิ้น อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญและเป็นแหล่งรวมความทันสมัยแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง ด้วยความที่เป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญซึ่งแน่นอนว่าเมืองเซิ่นเจิ้น ก็มีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับนานาชาติ โดยพุ่งเป้าไปที่การเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและศูนย์กลางลอจิสติกส์และเมืองแห่งการท่องเที่ยวชายทะเล ซึ่งปัจจุบันพื้นที่กว่าร้อยละ 80 เป็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและโรงงานผลิตเสื้อผ้า โดยเฉพาะย่านหลอวู เป็นแหล่งขายสินค้าก๊อปปี้ที่มีชื่อมากที่สุด จนเป็นที่มาของคำเปรียบเปรยที่ว่า “เที่ยวเซิ่นเจิ้นได้สินค้าก๊อปปี้ เที่ยวฮ่องกงได้สินค้าแบรนด์เนม”

เมืองเซิ่นเจิ้น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลกว่างตง หรือ กวางตุ้ง ชายแดนทะเลทางใต้ของจีนตรงข้ามกับเกาะฮ่องกง มีพื้นที่ทั้งหมดราว 1,953 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษกว่า 360 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเขตเศรษฐกิจในเซิ่นเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของประเทศจีน ก่อตั้งในยุคปฏิรูปและเปิดประเทศสมัยรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิง จนทำให้กลุ่มนักธุรกิจจากฮ่องกง ใต้หวัน พากันเข้ามาลงทุนในเซิ่นเจิ้นทำให้เศรษฐกิจของเมืองแห่งนี้เจริญรุดหน้าและกลายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวและการค้าการลงทุนแห่งหนึ่งของจีน

ชื่อ “เซิ่นเจิ้น” ปรากฏครั้งแรกในบันทึกประวัติศาสตร์ เมื่อปีที่ 8 ในรัชกาลหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1410) คำว่า “เซิ่น” แปลว่า “ลึก” ส่วนคำว่า “เจิ่น” เป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้เรียกคูน้ำระหว่างท้องนา เนื่องจากที่นี่มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับข้างหมู่บ้านมีคูน้ำลึกอยู่สายหนึ่ง จึงได้ชื่อตามลักษณะภูมิประเทศดังกล่าว

เซิ่นเจิ้น นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการช็อปปิ้งที่ไม่แพ้ฮ่องกงแล้ว เมืองแห่งนี้ยังอบอวลไปด้วยวัฒนธรรมจีน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อได้แก่ ภูเขาอู่หงซาน ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเซิ่นเจิ้น บนเขาเป็นที่ตั้งของวัดหงฟาซื่อ มีหลวงพ่อใหญ่อายุกว่า 103 ปี เป็น เจ้าอาวาส และถือเป็นชัยภูมิที่ดีที่สุดของเซิ่นเจิ้น ทุก ๆ วัน มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากฮ่องกง มาเก๊าและที่อื่น ๆ เพื่อกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวจีนถือว่าบริเวณที่ตั้งของวัดมีลักษณะที่ถือเป็นหวงจุ้ยฮ่องเต้ เมื่อได้มากราบไหว้ขอพร ก็จะขอให้เสริมส่งบารมี นอกจากนี้บนยอดเขาอู่หงซาน ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส สามารถมองเห็นไปไกลถึงเกาะฮ่องกง

แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเซิ่นเจิ้น อีกแห่งหนึ่งก็คือ เมืองจำลอง (Window of the World) ซึ่งได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาจำลองไว้ อาทิ หอไอเฟล ,พระราชวังแวร์ซายน์ ,ปิรามิด ,หอเอนปิซ่า ,น้ำตกไนแองกาล่า รวมถึงวัดพระแก้วของไทย เรียกได้ว่ามาเที่ยวที่เมืองจำลองวันเดียวสามารถเที่ยวได้รอบโลก นอกจากนั้นในเมืองเซิ่นเจิ้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจก็คือ “หมู่บ้านวัฒนธรรม” (China Foik Culture Villages) จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ทุกมณฑลของจีน ที่นี่ยังมีการแสดงโชว์พื้นเมืองที่มากด้วยความสามารถ เช่น การแสดงการต่อขา ประเพณีนั่งเกี้ยวของจีน ส่วนภาคกลางคืนยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของจีนอีกด้วย

เมื่อมาเที่ยวเซิ่นเจิ่น นักท่องเที่ยวจะต้องนึกถึงแหล่งช็อปปิ้ง ซึ่งมีมากมายในเซิ่นเจิ้น ที่ขึ้นชื่อและรู้จักไปทั้วโลกก็คือ หลอวู (Lowu Commercial City) หรือมาบุญครองเซิ่นเจิ้น ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมสารพัดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าก๊อปปี้ระดับแบรนด์เนมชื่อดัง เช่น Esprit,Gucci ,Giorgio-Armani ,Coach เป็นต้น ส่วนราคาก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของสินค้า การซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าเซิ่นเจิ้น ซึ่งส่วนใหญ่ราคามักจะขายตามป้ายหมายความว่าไม่สามารถต่อรองราคาได้ แต่หากซื้อตามร้านค้าทั่วไปหรือตามแผงลอยข้างถนน สามารถต่อรองราคาได้ นอกจากนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเมืองเซิ่นเจิ้น จะสังเกตเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่จะแต่งกายตามแบบสมัยนิยม หรือ ตามแฟชั่น แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ จะนิยมรับประทานบะหมี่อยู่ตามร้านค้าริมถนน ซึ่งเป็นภาพแปลกตาหาดูยาก ที่เห็นบรรดาสาว ๆ แต่งกายสมัยใหม่พากันนั่งทานบะหมี่แบบไม่เหลียวแลคนรอบข้าง

นี่จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นหลงมนต์เสน่ห์ เมืองเซิ่นเจิ้นแห่งดินแดนทางตอนใต้ของจีน ที่ดำรงอยู่อย่างผสมกลมกลืนระหว่างวิถีชีวิตดั่งเดิมของชาวจีนและความเจริญรุ่งเรืองของเทคโนโลยี่สมัยใหม่ได้อย่างเหมาะสม และที่นี่ยังเป็นเสมือนศูนย์กลางการเดินทางที่เชื่อมต่อไปยังเกาะฮ่องกง และเกาะมาเก๊าได้อีกด้วย หากนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยว ซึ่งรวบรวมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง “เก่า” และ “ใหม่” แล้วละก็ ชื่อของ “เซิ่นเจิ้น” น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้น

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น