เป็นเรื่อง!! พ่อนศ.ปี 1 มทร.ล้านนา พาลูกเข้าแจ้งความ กรณีรับน้องโหด ยืนยันเอาผิดรุ่นพี่และไม่ขอให้ลูกกลับไปเรียนอีก

พ่อของนักศึกษาปี 1 มทร.ล้านนา พาลูกเข้าแจ้งความเพิ่มเติมข้อหาทำร้ายร่างกาย เสียความรู้สึกส่งลูกมาเรียนสถาบันที่ไว้ใจโดนรับน้องโหดต่อเนื่องข้ามมาเทอมที่ 2 ยังไม่เลิกรับ ยืนยันเอาผิดทางคดีกับรุ่นพี่ส่วนลูกชายจำเป็นต้องย้านที่เรียนคงต้องเสียเวลาเรียนไป 1 ปี

จากกรณีที่ได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่าน ได้มีรุ่นพี่จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งได้มีการแหกกฎพานักศึกษาไปทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่กลางทุ่งนาช่องกลางคืน จนเป็นเหตุทำให้นักศึกษาได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลเต็มตัว นอกจากนี้รุ่นพี่ยังได้มีการส่งข้อความมาข่มขู่ จนเป็นเหตุทำให้ทางญาติไม่พอใจ และได้มีการร้องเรียนไปยังทางสถาบัน รวมถึงยังได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ความคืบหน้าล่าสุดช่วงสาย วันที่ 7 ธ.ค. 61 ทางด้านนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย พร้อมด้วยพี่สาวและบิดา ได้เดินทางมายัง สภ.แม่ริม เพื่อแจ้งความเพเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่นักศึกษาที่ได้จัดกิจกรรมรับน้องดังกล่าว โดยมี ร.ต.อ.กิตติพงษ์ กองแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

โดยทางด้านนายกฤษธำรง วัฒนพานิช บิดาของนักศึกษาผู้เสียหายได้เปิดเผยว่า ที่จริงทางครอบครัวไม่ได้อยากดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบว่ารุ่นพี่ที่จัดกิจกรรม ไม่มีการติดต่อมา และในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนัดกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมาเพื่อทำการพูดคุยกัน แต่กลับไม่มีผู้ใดมา ตนจึงต้องการที่จะรักษาสิทธิ และจะได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับรุ่นพี่ดังกล่าว สำหรับในส่วนของเรื่องการเรียนนั้น พบว่าหลังจากเกิดเหตุทางลูกชายของตนได้ไปเข้าเรียนแต่พบว่าได้มีการแบ่งแยกกลุ่มอย่างชัดเจน จนทำให้ลูกของตนเกิดความกดดัน ซึ่งในเบื่องต้นทางครอบครัวเห็นว่าน่าจะพักการเรียนของน้องไปก่อน และในปีหน้าจึงจะหาที่เรียนใหม่ ทั้งนี้ตนมีความเห็นว่า สำหรับการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่นั้นทำได้ แต่ควรทำในขอบเขตที่พอดี และมีรูปแบบที่ดี อย่างเช่นการพากันมาติวพิเศษหรือช่วยกันในเรื่องการเรียน ไม่ใช่การพามาทำโทษ จนได้รับบาดเจ็บแบบนี้

บิดาของนักศึกษาผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจให้ลูกชายมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ก็ด้วยความเชื่อมั่นในเรื่องของการเรียนการสอนและการผลิตคลากรคุณภาพเพราะเพื่อนฝูงที่จบจากสถาบันแห่งนี้ก็มีความรู้ความสามารถและหน้าที่การงานดีกันทุกคนเพราะลูกเรียนจบระดับชั้น ปวช. จึงให้มุ่งมั่นเพื่อสอบให้ติดและมาเรียนที่นี่จนสำเร็จแต่ก็รู้สึกเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีรับน้องของรุ่นพี่แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้รับรู้กับการจัดกิจกรรมดังกล่าวซึ่งจัดกันเองระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องภายนอกสถาบัน

ขณะที่ทางด้านนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กลับไปเรียนตามปกติ อย่างไรก็ตามพบว่าเพื่อนร่วมรุ่นมีการแสดงปฏิกิริยา ให้เห็นอย่างชัดเจน โดยในช่วงเข้าชั้นเรียนตัวเอง ต้องนั่งเรียน เพียงลำพังคนเดียว ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นไปรวมกลุ่มกันหมด ซึ่งตามความตั้งใจของตัวเอง ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า น่าจะย้ายไปเรียนที่อื่น แต่จะยังมาเล่าเรียนตามปกติไปก่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโอนย้าย หน่วยกิตไปเรียนที่อื่น ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ ยังไม่เคยติดต่อมาพูดคุยแสดงความเสียใจหรือขอโทษใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ซึ่งจากการปรึกษากับทางครอบครัวแล้ว ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ จนถึงที่สุด เพื่อรักษาสิทธิ์และเรียกร้องความถูกต้อง เพราะจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เรียนในสถาบันอื่นๆ พบว่า ไม่มีที่ใดที่มีการรับน้อง เกินเลยขอบเขตและรุนแรงเหมือนที่ตัวเองถูกกระทำ

อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ได้เข้ามาแจ้งสิทธิ์ต่อผู้เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จาเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ในการ พิจารณาจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้เสียหาย ในการรักษาพยาบาล รวมทั้งค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ โดยผู้เสียหายสามารถแจ้งความ และนำเอกสารมา ขอใช้สิทธิได้ โดยทางกระทรวงยุติธรรมสามารถให้การช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่ 5,000-40,000 บาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น