อดีตภรรยาหนุ่มมือขวาน ฟันอริเหตุหึงหวง ขึ้นโรงพักแจ้งดำเนินคดี เชื่อตั้งใจก่อเหตุไม่ใช่ป้องกันตัว ยืนยันเลิกรากันแล้ว 2 เดือน เพราะถูกซ้อมเป็นประจำ

จากกรณีที่โซเชียลมีเดีย ได้มีการแชร์เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกคู่กรณีใช้ขวานฟันเข้าที่บริเวณศีรษะแล้วถูกหูเกือบขาด และนิ้วมือก็เกือบขาด รวมทั้งได้รับบาดเจ็บอีกหลายจุดตามร่างกาย เหตุเกิดบริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่งใน ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู รพ.แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โดยทราบชื่อต่อมาคือ นายทศวัฒน์ วงศ์นุ่ม อายุ 28 ปี ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ช่วยติดตามหาตัวคู่กรณี และมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

ขณะที่ต่อมาหลังเกิดเหตุ ทางคู่กรณีที่ชื่อ นายโบ๊ท (นามสมมติ) อายุ 22 ปี อดีตนักแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ได้เดินทางเข้าพบ พงส.สภ.ช้างเผือก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีการหลบหนี โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว เนื่องจากตัวเองแขนหักต้องใส่เฝือกอยู่ และต้องการจะเข้าไปพบภรรยาของตัวเอง ที่นั่งอยู่ในรถยนต์ แต่ผู้เสียหายพยายามพุ่งเข้ามาจะทำร้าย ซึ่งทาง พงส.ได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ความคืบหน้าล่าสุด ที่ สภ.ช้างเผือก น.ส.ตอง (นามสมมติ) อายุ 23 ปี อดีตภรรยาของนายโบ๊ท พร้อมครอบครัว เดินทางเข้าพบ พงส.เพื่อให้ปากคำและมอบหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกายกับนายโบ๊ท แล้วเช่นกัน จากเหตุการณ์เดียวกันกับที่มีการใช้ขวานฟันนายปอนด์ โดย น.ส.ตอง ยืนยันว่า ปัจจุบันตัวเองอดีตภรรยาของนายโบ๊ท เท่านั้น และนายโบ๊ทมีสถานะเป็นเพียงพ่อของลูกเท่านั้น โดยได้มีการเลิกรากันมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ขณะที่การเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายโบ๊ทนั้น เนื่องจากในคืนที่เกิดเหตุ นอกจากใช้ขวานฟันนายปอนด์แล้ว ยังได้ทำร้ายร่างกายตัวเองอีกด้วย จนได้รับบาดเจ็บทั้งที่ศีรษะ,หลัง,แขนและขา ซึ่งได้ให้แพทย์ที่ รพ.ตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐาน และมอบให้ทาง พงส.แล้ว พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด

น.ส.ตอง (นามสมมติ) เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อน รวมทั้งนายทศวัฒน์ และพบกับนายโบ๊ท ซึ่งหลังจากเที่ยวเสร็จได้เดินทางกลับที่พักย่าน ต.ป่าตัน  โดยที่ตัวเองขับรถกลับมาพร้อมเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และนายทศวัฒน์ ขับรถอีกคันหนึ่งตามมาส่งเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่านายโบ๊ท ที่เลิกรากันไปแล้ว จะตามมารังควาญ ซึ่งปรากฏว่านายโบ๊ท ได้ตามมาจริงๆ โดยเมื่อมาถึงนายโบ๊ท ได้ถือขวานเดินตรงเข้ามาหาเหมือนจะทำร้ายพวกตัวเอง ซึ่งนายทศวัฒน์ เห็นเช่นนั้นจึงพยายามเข้าไปแย่งขวานและถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ตัวเองรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่ระหว่างนั้นนายโบ๊ท ที่ฟันนายทศวัฒน์แล้ว ได้ตรงเข้าทำร้ายตัวเองต่อ ก่อนที่จะมีคนเข้ามาช่วย และนายโบ๊ท ได้หลบหนีไป

ซึ่งขวานที่นายโบ๊ท ใช้ก่อเหตุนั้น ไม่ได้มีสภาพเป็นขวานทำสวนอย่างที่มีการกล่าวอ้าง ตลอดจนเชื่อน่านายโบ๊ท น่าจะมีเจตนาตามมาหาเรื่องโดยตรง เพราะจุดเกิดเหตุไม่ได้เป็นทางผ่านกลับบ้านของนายโบ๊ท และไม่ได้เป็นการป้องกันตัว เนื่องจากนายโบ๊ท เป็นฝ่ายที่ถือขวานเดินตรงเข้ามาก่อน

นอกจากนี้แล้ว ในช่วงที่เป็นภรรยาของนายโบ๊ท ตัวเองมักจะถูกนายโบ๊ท ทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำเวลาที่นายโบ๊ท เมาสุราหรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน โดยที่ผ่านมาเคยเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานหลายครั้งแล้ว ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่นายโบ๊ท ทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการใช้มือบีบคอแล้วเอาหมอนกดทับใบหน้าจนเกือบขาดอากาศหายใจ แต่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้

เมื่อประมาณเดือน ต.ค.61 ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเลิกรากันและมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจ โดยที่นายโบ๊ท รวมทั้งพ่อแม่ของนายโบ๊ท ลงชื่อรับรู้ด้วย ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันนอกจากทำหน้าที่พ่อแม่ของลูก แต่ล่าสุดนายโบ๊ท ยังได้มาก่อเหตุกับตัวเองอีก รวมทั้งทำร้ายผู้อื่นด้วย ทำให้ต้องดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนชองอาการบาดเจ็บของนายทศวัฒน์ ที่ถูกขวานฟันหูเกือบขาดนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว หลังจากที่แพทย์ทำการรักษาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมหูที่ถูกฟันเกือบขาด และนิ้วมือ อย่างไรก็ตามยังคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.และให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยตามรายงานข่าวระบุว่า แม้จะผ่าตัดศัลยกรรมหูได้แต่สภาพอาจจะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียหายยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น