เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีโอกาสเข้าร่วมรับฟัง นายส่งศักดิ์ คำชัยลึก และนายปริวรรต ปัญจะ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจ จ.เชียงใหม่ บรรยายความรู้เรื่องการเลี้ยงชันโรง ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพทางการเกษตรแก่เกษตรกร นึกไม่ถึงเลยว่าแมลงพื้นบ้านธรรมดา ที่เดิมชาวบ้านใช้ประโยชน์จากชัน เพื่ออุดรอยรั่วต่างๆและใช้อุดใต้ฐานพระนั้น จะมีคุณค่าอนันต์มากมาย ผึ้งที่ว่าผสมเกสรเก่งแล้ว ยังไม่เท่าชันโรงเพราะผึ้ง เมื่อเก็บเกสรจากดอกไม้แล้ว จะปล่อยฟีโรโมนหรือกลิ่นตัวของมัน ทำให้ผึ้งตัวต่อไปไม่มาตอมหรือเก็บเกสร แต่ชันโรงไม่สนใจถึงใครจะดอมดมเก็บเกสรแล้ว
มันยังคงเข้าเก็บเกสรทุกดอกทุกรวง เพราะนิสัยของชันโรงชอบเก็บเกสรเข้าลังถึง 80 % ทำให้สามารถช่วยผสมเกสรให้กับพืชต่างๆได้ดีสุดยอด ในส่วนการเก็บน้ำหวานจะเก็บเข้ารังเพียง 20 % จึงทำให้มีราคาสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไปถึง 10-20 เท่าตัว ซึ่งน้ำผึ้งชันโรงนั้น จะมีชันผึ้งละลายปะปนอยู่ สีจึงค่อนข้างดำหรือสีเข้ม มีความเป็นกรดค่อนข้างสูงจึงมีรสเปรี้ยว ที่สำคัญมีคุณสมบัติเป็นสารยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ ใช้เป็นสารปฏิชีวนะในการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรค ล้างไขมัน บำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา บำรุงประสาท ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง เบาหวาน ความดัน รักษาอาการเจ็บคอและอื่นๆอีกมากมาย
จากผลการวิจัยของสำนักวิทยาศาสตร์ต่างๆในประเทศไทยพบว่าน้ำผึ้งและชันจากชันโรง มีวิตามินบี 1 วิตามินบี 6 สารไนอาซิน สารต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อโรค เพิ่มภูมิคุ้มกัน ตลอดจนสารยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนัง
ชันโรงเป็นแมลงจำพวกผึ้งชนิดหนึ่ง ที่ไม่มีเหล็กใน จึงไม่ต่อยแต่กัดได้ พบโดยทั่วไปในเขตร้อน ตลอดจนบริเวณใกล้เคียงที่ติดกับเขตร้อน และมีอยู่ในท้องถิ่นทั่วไปในประเทศไทยมานานแล้ว ภาคเหนือเรียกชันโรงตัวเล็กว่า “ขี้ตังนีหรือขี้ตึง” ถ้าตัวใหญ่เรียกว่าขี้ย้าดำ ถ้าเป็นชันโรงยักษ์เรียกว่าขี้ย้าแดง ภาคใต้เรียกแมลงอุ่ง ภาคตะวันออกเรียกว่าตัวชำมะโรงหรืออีโลม ภาคอีสานเรียกว่าขี้สูด ภาคตะวันตกเรียกตัวตุ้งติ่งหรือติ้ง ชันโรงจัดเป็นแมลงสังคมชั้นสูง ภายในรังประกอบด้วยวรรณะ 3 วรรณะคือ วรรณะนางพญา(Queen) วรรณะชันโรงงาน(Worker) วรรณะเพศผู้ (Drone)
โดยแต่ละวรรณะ ทำหน้าที่แตกต่างกันภายในรัง และชันโรงมีวงจรชีวิตเช่นเดียวกับผึ้งคือ ระยะไข่ (6-7 วัน) ระยะตัวอ่อน/หนอน (6-7 วัน) ระยะดักแด้ (26 วัน) และระยะตัวเต็มวัย(210 วัน)
- ชันโรงนางพญา เปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัว มีหน้าที่หลักคือ วางไข่และดูแลชันโรงทุกตัวภายในรัง ให้อยู่ด้วยความเรียบร้อย นางพญาจะผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวตลอดชีวิต โดยชันโรงงานภายในรัง จะพยายามกันชันโรงตัวผู้ที่เป็นเครือญาติเดียวกัน ไม่ให้ผสมกับนางพญา แต่จะนำชันโรงตัวผู้ที่อยู่รังอื่น เข้ามาผสมพันธุ์กับนางพญา เป็นวิธีการป้องกันเลือดชิด หรือจะผสมพันธุ์กับชันโรงตัวผู้รังอื่นๆ ระหว่างนางพญาบินไปหารังใหม่ ซึ่งอีกประมาณ 2 สัปดาห์ นางพญาชันโรงจะวางไข่ในรังใหม่ต่อไป
นางพญาจะวางตัวอ่อนในหลอดรวง โดยมีชันโรงงานคอยปิดผนึกไข่ จนพัฒนาเป็นดักแด้และตัวเต็มวัยในที่สุด ไข่จะพัฒนาไปเป็นชันโรงวรรณะใด ขึ้นอยู่กับการได้รับการผสมจากน้ำเชื้อหรือไม่ ถ้าไม่ได้รับการผสม ก็จะพัฒนาเป็นชันโรงตัวผู้ แต่ถ้าได้รับการผสม ก็จะพัฒนาไปเป็นชันโรงเพศเมีย คือวรรณะชันโรงงานและนางพญา การพัฒนาจะเป็นชันโรงงานหรือนางพญา ขึ้นอยู่กับขนาดของรวงรังและปริมาณอาหาร รวงรังของตัวอ่อนที่จะเจริญเป็นนางพญาจะต้องมีขนาดใหญ่ และได้รับอาหารที่มากกว่า
- ชันโรงตัวผู้ มีหน้าที่ผสมพันธุ์กับชันโรงนางพญาอย่างเดียว เหมือนกับผึ้งตัวผู้ การสร้างชันโรงเพศผู้ของรัง จะสร้างเฉพาะฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น เมื่อชันโรงตัวผู้บินออกจากรังไปแล้ว จะไม่กลับเข้ารังอีก เนื่องจากชันโรงงานที่ทำหน้าที่รักษารัง ไม่ยอมให้ชันโรงตัวผู้กลับเข้ารัง
- ชันโรงงาน เป็นวรรณะที่มีมากที่สุดภายในรัง ทำหน้าที่ซ่อมแซมรัง คอยทำความสะอาดรังและเป็นพี่เลี้ยงช่วงนางพญาวางไข่ ตลอดจนหาอาหารนำมาเลี้ยงสมาชิกในรัง โดยเก็บเกสรและน้ำหวาน
- การแยกขยายชันโรง
1.จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการขยายรังชันโรง ได้แก่ รังที่จะทำการแยกขยาย เหล็กงัดรังชนิดเดียวที่ใช้ในการเลี้ยงผึ้ง หมวกตาข่าย เครื่องพ่นควัน กระบอกพ่นน้ำชนิดพ่นฝอย
2.คัดเลือกรังชันโรงที่สมบูรณ์แข็งแรง มีประชากรชันโรงหนาแน่น มีการสะสมอาหารและน้ำหวานไว้ภายในรังจำนวนมาก มีการสร้างเซลล์นางพญาและเซลล์ตัวอ่อน
3.ตัดแบ่งกระเปาะเกสร กระเปาะน้ำหวาน กระเปาะตัวอ่อน ประมาณ 1 ใน 3 ของรังเดิม ถ้าพบเซลล์นางพญาให้ตัดมาด้วยและให้มีตัวเต็มวัยของชันโรงติดมาด้วยเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ในรังที่แยกใหม่
4.ควรตรวจเช็คส่วนที่แยกใส่รังใหม่ให้แน่ใจว่า ไม่มีนางพญาชันโรงตัวเดิมติดมาด้วย
5.หลังจากนั้นจะเกิดขบวนการสร้างนางพญาชันโรงตัวใหม่ขึ้นตามธรรมชาติ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการแยกขยายรังชันโรง
6.ช่วงเวลาที่แยกขยายรังชันโรง คือช่วงฤดูดอกไม้บานมีการสะสมอาหารไว้ภายในรังเป็นจำนวนมาก และภายในรังได้มีการสร้างชันโรงตัวผู้จำนวนมาก สำหรับการผสมพันธุ์กับนางพญาชันโรงตัวใหม่
นายนเรศ ฝีปากเพราะ ผอ.สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จ.เชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่าชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว(Stingless bee) เป็นแมลงที่อยู่รวมกันเป็นสังคม มีการสร้างรวงรัง โดยแบ่งเป็นสัดส่วน เป็นเซลล์หรือกระเปาะ ได้แก่ กระเปาะเก็บเกสร กระเปาะเก็บน้ำหวานและกระเปาะสำหรับวางไข่ และเลี้ยงดูตัวอ่อน ชันโรงเป็นแมลงที่ช่วยผสมเกสรพืชทุกชนิดทั้งพืชป่า พืชพื้นบ้านและพืชสมุนไพร จึงทำให้น้ำผึ้งชันโรงเป็นน้ำผึ้งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารและยา มากกว่าน้ำหวานจากผึ้งทั่วไป รวมทั้งเข้มข้นกว่า
แต่น้ำผึ้งชันโรง จะมีปริมาณจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้ำผึ้งจากผึ้งทั่วไป ทำให้มีราคาแพงกว่า(ประมาณขวดละ 1,500-2,000 บาท) เนื่องจากชันโรงจะมีนิสัยเก็บเกสร 80 % เก็บน้ำหวาน 20 % รวมทั้งเก็บยางไม้หรือชันผึ้ง(propolis)ที่มากกว่าผึ้งทั่วไป เพราะจะใช้สร้างรัง อุดรอยรั่ว ทำทางเข้าออกรังและใช้ป้องกันศัตรูบุกรุก ชันโรงเป็นแมลงเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ปัจจุบันสามารถเลี้ยงเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรมได้ เพราะผลิตภัณฑ์จากชันโรงทั้งน้ำหวานและชันผึ้ง ตลาดมีความต้องการสูง เพื่อใช้ในทางการแพทย์ การผลิตอาหารสุขภาพและเครื่องสำอาง
อีกทั้งชาวสวนได้มีการเช่าชันโรง เพื่อวางในสวนผลไม้ เพื่อช่วยผสมเกสรเพิ่มผลผลิต คิดราคา 30-50 บาท/วัน/รัง ในพื้นที่สวนลำไย 5 ไร่ ได้ทดลองวางชันโรง 2 รังในช่วงออกดอก สามารถช่วยผสมเกสรทำให้ผลผลิตดีมีคุณภาพ ดังนั้นชันโรงเป็นสุดยอดแมลงช่วยผสมเกสรเพื่อเพิ่มผลผลิตและเป็นแมลงเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ ผู้ที่สนใจเลี้ยงชันโรงติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือศึกษาเรียนรู้ ได้ที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจ จ.เชียงใหม่ 428 หมู่ 12 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230 โทร.053-431262 : ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตนางพญาชันโรงได้ และพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น