พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้าระหว่างวันที่ 2 – 8 มกราคม พ.ศ. 2562

กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 2 – 3 ม.ค. 62 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในช่วงวันที่ 3 – 5 ม.ค. 62 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 2 – 3 ม.ค. 62 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อนึ่ง พายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่า จะเคลื่อนผ่านภาคใต้ลงสู่ทะเลอันดามันในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 62 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 2 – 3 ม.ค. 62 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับในช่วงวันที่ 3 – 5 ม.ค. 62 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรงดเดินเรือในระยะนี้ อนึ่ง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกควรระวังและป้องกัน คลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 2- 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาว โดยในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวให้กับสัตว์เลี้ยง และควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กซึ่งจะมีความต้านทานความหนาวเย็นต่ำกว่าสัตว์ที่โตเต็มวัย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งตอนกลางคืนเพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 2- 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 10-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ
  • สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง หลังจากใช้งานเสร็จแล้วควรดับให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเป็นอัคคีภัย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 2 – 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง ซึ่งปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย

ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 2 – 3 ม.ค. 62 อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 8 ม.ค. 62 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และบางช่วงมีลมแรง เกษตรกร ควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดย ทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร และอาคารบ้านเรือน
  • ระยะนี้ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 2 – 5 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง กับมีลมกระโชกแรง ลมตะวันออก ความเร็ว 40-60 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 6 – 8 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 2 – 5 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมกระโชกแรง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6 – 8 ม.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนเป็นบริเวณกว้าง กับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และลมแรงไว้ด้วย โดยติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
  • เกษตรกรควรสำรวจคูคลอง ทางระบายน้ำ ตลอดจนสันดอนปากแม่น้ำ อย่าให้ตื้นเขินและติดขัด น้ำไหลได้สะดวก เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัย
  • ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกัน โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผัก โดยดูแลพื้นที่การเกษตร ให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ทั่วถึง
  • ในช่วงวันที่ 3 – 5 ม.ค. 62 บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตรส่วนบริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง เกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ควรระวังและป้องกันคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง

นายธาดา ศรัทธา ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยาสุโขทัย

ร่วมแสดงความคิดเห็น