พระเจ้าพรหม เป็นชื่อที่เรียกขานของ “วีรบุรุษในตำนาน” ของอาณาจักรโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น (หรือโยนกล้านนา) ก่อนที่จะรวมอยู่ในอาณาจักรล้านนา เป็นที่อยู่ของอำเภอเชียงแสนในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีหลักฐานว่ามีตัวตนจริง แต่ประวัติศาสตร์ฉบับ “ล้าหลัง-คลั่งชาติ” เชื่อว่าพระองค์มีตัวตนอยู่จริง และได้ให้ความสำคัญว่าเป็น “มหาราช” องค์แรกในประวัติศาสตร์ไทย
และในวันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” ขอนำเสนอประวัติความเป็นมาและวีรกรรมของกษัตริย์ที่ได้ชื่ิอว่า “มหาราช” องค์แรกแห่งล้านนารวมถึงประวัติศาสตร์ไทยด้วย
ในเอกสารของ วัน วลิต, ตาชาต และลาลูแบร์ ที่ได้บันทึกไว้ทำให้รู้ว่าชาวพระนครศรีอยุธยาจำนวนหนึ่ง พวกเขาก็มีความเชื่อว่าพระเจ้าพรหมเป็น “ปฐมบรมกษัตริย์” ของพวกเขามานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ในตำนานสิงหนติกุมาร กล่าวว่า ภายหลังจากพระองค์พังคราชเสียเมืองให้พระยาขอม และถูกขับไปเป็นแก่บ้านเวียงสี่ทวง จึงต้องส่งส่วยให้พระยาขอมเป็นทองคำปีละ 4 ทวงหมากพินน้อย และมีโอรสองค์แรกชื่อ ทุกขิตะกุมาร
ต่อมาได้มีสามเณรชาวเวียงสี่ทวง เดินเข้ามาบิณฑบาตรในคุ้มหลวงของพระยาขอม เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น เมื่อพระยาขอมเห็น จึงถามว่ามาจากไหน เมื่อได้ทราบว่าเป็นชาวสี่ทวงจึงสั่งให้ไล่สามเณรออกไป สามเณรจึงรู้สึกโกรธและเดินออกจากเมืองทันทีเพื่อขึ้นไปยังพระธาตุดอยกู่แก้ว แล้วเจาะบาตรใส่หัวถวายข้าวให้พระธาตุ จากนั้นอธิษฐานขอให้ตัวเองได้เกิดเป็นลูกของพระองค์พังคราช และได้ปราบพวกขอมให้พ่ายแพ้ไป เสร็จแล้วจึงลงไปที่ตีนดอยกู่แก้วนั่งใต้ต้นไม้อดอาหาร 7 วันจนมรณภาพ และจึงไปเกิดเป็นลูกคนที่ 2 ของพระองค์พังราช ชื่อ พรหมกุมาร
เมื่อพรหมกุมารอายุได้ 13 ปี เทวดาได้มาเข้าฝันว่า พรุ่งนี้ให้ไปที่แม่น้ำโขง จะมีช้างเผือก 3 ตัวล่องตามน้ำมา จับได้ตัวแรกจะปราบได้ทวีปทั้ง 4 จับได้ตัวที่สองจะปราบได้ชมพูทวีป จับได้ตัวที่สามจะปราบพวกขอมดำได้ พรหมกุมารพร้อมกับบริวาร 50 คนจึงไปแม่น้ำโขง เห็นมีงูสองตัวล่องมาตามน้ำแล้วผ่านไป เมื่อเห็นงูตัวที่สาม พรหมกุมารจึงสั่งให้จับงูตัวนั้น งูก็พลันกลับร่างเป็นช้าง แต่ไม่ยอมขึ้นฝั่ง พระองค์พังคราชจึงเอาทองคำพันหนึ่งตีเป็นพาน (หรือ ปาน คือเครื่องดนตรีล้านนาชนิดหนึ่ง) แล้วให้ทุกขิตะกุมารผู้เป็นพี่นำมาส่งให้พรหมกุมารตี เมื่อช้างได้ยินเสียงพานคำจึงเดินตามเสียงพานคำ จึงได้ให้ชื่อช้างตัวนั้นว่า ช้างพานคำ และทำการขุดคูเมืองรวมถึงปรับปรุงกำแพงและประตูเมือง แล้วเปลี่ยนชื่อเวียงสี่ทวงเป็น เวียงพานคำ และทำการซ่องสุมผู้คน พร้อมทั้งทูลบิดาว่าให้เลิกการส่งส่วยแก่ขอม
เมื่อพระยาขอมทราบจึงยกทัพมาสู้กันที่ทุ่งสันทราย พรหมกุมารขี่ช้างพานคำต่อสู้ ในที่สุดก็ได้รับชัยชนะ ไล่ตามตีกองทัพพระยาขอมจนแตก ชิงเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นกลับคืนมาได้ และถวายเมืองคืนพระองค์พังคราช เมื่อเสร็จศึกแล้ว พรหมกุมารได้เดินทางกลับเวียงพานคำ เมื่อลงจากหลังช้างพานคำ ช้างพานคำได้หนีออกจากเมืองและกลับร่างเป็นงูเช่นเดิม แล้วเลื้อยหายเขาไปในดอยแห่งหนึ่ง ภายหลังเรียกชื่อดอยนั้นว่า ดอยช้างงู ต่อมาชาวอาข่าเรียกเพี้ยนเป็น “ดอยสะโง้” (ปัจจุบันอยู่ที่ ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย)
พระองค์พังคราชจะตั้งให้พรหมกุมารเป็นอุปราช แต่พรหมกุมารปฏิเสธ และยกให้ทุกขิตะกุมารผู้เป็นพี่เป็นแทน พระองค์พังคราชได้จัดการสู่ขอนางแก้วสุภา ลูกพญาเรือนแก้ว เจ้าเมืองเวียงไชยนารายณ์เมืองมูล ให้กับพระองค์พรหมราช พระองค์พรหมราชได้กลัวว่าจะมีข้าศึกมาอีก จึงไปสร้างเมืองใหม่ คือ เวียงไชยปราการ ครองราชย์ในเวียงไชยปราการได้ 77 ปี ก็สิ้นพระชนม์ไปในปี พ.ศ.1732 จากนั้นพระองค์ไชยสิริ พระโอรสได้ครองเวียงไชยปราการต่อมา แต่ถูกเมืองสุธรรมวดีเข้ามาคุกคาม พระองค์ไชยสิริจึงพาชาวเมืองอพยพลงไปทางใต้ตั้งเมืองที่เมืองกำแพงเพชรในที่สุด
อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์หลายท่านได้ให้ความเห็นว่าพระเจ้าพรหมมหาราชไม่น่าจะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการแต่งขึ้นเพื่อ “สร้าง” วีรบุรุษของแคว้นโยนก และได้นำพระพรหม ซึ่งเป็นเทพที่ชวยกอบกู้โลกของศาสนาฮินดูมาเป็นตัวแทนวีรบุรุษของตนเอง เพื่อความเป็นมหาราชเหนือกษัตริย์ของอาณาจักรอื่น ๆ นั่นเอง
เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
ข้อมูลจาก : th.wikipedia.org, www.huglanna.com
ภาพจาก : sites.google.com, www.runwaythailand.com, w.pantip.com, www.photoontour.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กำเนิด “เจียงใหม่” กว่า 720 ปี แห่งอารยธรรมล้านนา
- ศักดินาในล้านนา ตำแหน่งปกครองของล้านนาในอดีต
- “200 กว่าปี ล้านนาภายใต้พม่า” ประวัติศาสตร์น่ารู้เมืองเชียงใหม่
- ฟื้นม่านเชียงใหม่! “พระเจ้ากาวิละ” กษัตริย์ผู้กอบกู้ล้านนาจากพม่า
- กว่าจะเป็นล้านนา! พระราชกรณียกิจที่สำคัญของ “พ่อขุนเม็งรายมหาราช”
- “พระเจ้าติโลกราช” สงครามครั้งแรก ระหว่างล้านนากับอยุธยา
ร่วมแสดงความคิดเห็น