รู้ทันไข้หวัดใหญ่ ป้องกันไว้สบายใจกว่า

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ร่างกายเราอาจปรับเปลี่ยนตามอุณหภูมิไม่ทัน บางคนเฉลียวใจคิดว่าปล่อยไว้เดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าไข้หวัดเหล่านั้นในอนาคตอาจเกิดอาการรุนแรงและเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้ วันนี้เราจะพามารู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ เราจะได้รู้ว่าสายพันธุ์ไหนที่ควรระวังบ้าง

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยของร่างกาย มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า “Influenza” หรือเรียกสั้น ๆ ได้ว่า “Flu” เป็นเชื่อไวรัสที่ติดต่อผ่านได้ทางระบบหายใจ ก่อให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเกิดความเจ็บป่วย ปวดตามร่างกาย ระดับความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่มีตั้งแต่รุนแรงน้อยไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นทุกปีส่วนมากจะมาในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกว่าฤดูกาลของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่สามารถแบ่งได้ 3 ชนิดด้วยกัน คือ

1. ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Type A) มีความรุนแรงและอันตรายมากที่สุด โดยมีสัตว์เป็นพาหะมาสู่คน และเกิดจากคนที่ไปเชื้อเองผ่านทางการไอ จาม หรือการสัมผัสทางน้ำลาย ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถแพร่กระจายได้ในวงกว้างและใช้เวลาอย่างรวดเร็ว

2. ไข้หวัดใหญ่ชนิดบี (Type B) สามารถแพร่ระบาดได้ตามฤดูกาลที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวย เช่น ฤดูหนาวและฤดูฝน เป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เอ

3. ไข้หวัดใหญ่ชนิดซี (Type C) เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ความรุนแรงน้อยที่สุดใน 3 สายพันธุ์นี้ ผู้ป่วยจะมีอาการป่วยเล็กน้อยหรือบางทีก็ไม่แสดงอาการป่วยเลย และยังไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดอีกด้วย

แต่สำหรับในสายพันธุ์ C นั้นถือว่ามีความรุนแรงน้อย ทั้งไม่ได้ทำให้เกิดการระบาดของโรค จึงไม่นับรวมอยู่ในกลุ่มของไข้หวัดใหญ่ค่ะ ผิดกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a กับ b ที่สามารถแยกย่อยออกได้ 4 สายพันธุ์ดังนี้

1. ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A (H1N1)
2. ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A (H3N2)
3. ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
4. ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata

อาการของไข้หวัดใหญ่

อาการของไข้หวัดใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป คือ เป็นไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และอ่อนเพลีย บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วงร่วมด้วย ทั้งนี้อาการป่วยที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย อายุ และโรคประจำของแต่ละคนด้วย โดยระยะเวลาของอาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ มักเป็นอยู่นานประมาณสัปดาห์ถึงสองสัปดาห์ได้

การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่

ส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาและจ่ายยาตามตามอาการของผู้ป่วย ผู้ป่วยสามารถรักษาตนเองได้ง่ายคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม และการใช้ยาลดไข้หรือยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการป่วยไข้ แลคัดจมูกด้วย หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันให้รีบไปหาแพทย์จะดีที่สุด

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

การป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้ง่ายๆ คือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น พยายามใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการรับเชื้อและการแพร่เชื้อ หลีกเหลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย เมื่อป่วยควรหยุดงาน หยุดเรียน หยุดกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้หายป่วยเร็วและไม่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น

ในปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในแต่ละปีจะมีช่วงเวลาการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี การฉีดวัคซีนควรฉีดทุกปีเพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่มักอยู่ไม่นาน และเชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงระยะเวลาไม่นานด้วย ทำให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน วัคซีนจึงถูกพัฒนาไปตามฤดูกาลให้ตรงกับปัจจุบัน ดังนั้นการฉีดวัคซีนทุกปีเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ปรับให้เหมาะสมกับเชื้อใหม่ในแต่ละปีนั่นเองค่ะ

ร่วมแสดงความคิดเห็น