เล็บเจล ความสวยที่มาพร้อมอันตราย

ถ้าพูดถึงเรื่องการทำเล็บ หลายคนคงนึกถึงการทำ “เล็บเจล” การทำเล็บเจลให้ทั้งความสวยงาม คงทน ไม่ต้องเสียเวลาเข้าร้านทำเล็บบ่อยๆ ทำครั้งเดียวอยู่ได้นานเป็นอาทิตย์ ถึงแม้การทำเล็บเจลจะทำให้เราดูมีระดับแต่การทำเล็บเจลก็มีอันตรายแฝงอยู่เช่นกัน

เล็บเจล จะอันตรายแค่ไหน วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะเล่าให้ฟัง

การทำเล็บเจลคืออะไร
การทำเล็บเจล คือ การทาสีเจลแล้วนำมาอบด้วยแสง UV ซึ่งสีเจลถือเป็นลูกผสมระหว่างสีธรรมดาและเจลต่อเล็บแบบอ่อน (Soak Off Gel) ที่ดึงข้อดีของการทำเล็บแต่ละอย่างมาไว้รวมกัน

อันตรายจากการทำเล็บเจล

  1. ปัญหาเล็บบาง แห้ง ฉีกง่าย การทำเล็บเจลแต่ละครั้งมีการตะไบหน้าเล็บ ร่วมกับการล้างสีออกด้วยacetone
  2. มะเร็งผิวหนัง การทำเล็บเจลเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังที่มือและเท้า มาจากขั้นตอนการอบสีด้วยแสง UV
  3. โรคของเล็บที่มองไม่เห็น เมื่อทาเล็บต่อเนื่อง สีเล็บจะปิดบังความผิดปกติที่เกิดขึ้นใต้เล็บ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา เลือดออกใต้เล็บ สะเก็ดเงินที่เล็บ ไปจนถึงมะเร็งที่เล็บ

ทำเล็บเจลอย่างไรให้ปลอดภัย

  1. การพักเล็บ เพื่อเว้นช่วงให้เล็บได้พัก และซ่อมแซมตัวเองอย่างน้อย 1-3 เดือน หรือทำเล็บธรรมดาสลับกับเล็บเจล
  2. การพักเล็บยาว กรณีที่เล็บบางแล้วเปราะฉีก แนะนำให้พักเล็บอย่างน้อย 3 เดือน ถ้าจะให้ดีคือ 6 เดือน เพราะเล็บใช้เวลายาวจากโคนขึ้นมาถึงปลายประมาณ 6 เดือน
  3. หมั่นทาครีมบำรุงเล็บอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เล็บได้รับความชุมชื่นทุกครั้ง หลังล้างมือตามด้วย Vaseline หรือผลิตภัณฑ์บำรุงจมูกเล็บ
  4. ป้องกันรังสี UV ด้วยการพกครีมกันแดด
  5. ตรวจสอบเล็บของคุณว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ ก่อนที่จะทำเล็บเจลครั้งใหม่

บำรุงเล็บหลังการทำเล็บเจล

  1. บำรุงเล็บด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกช่วยซ่อมแซมเล็บที่เปราะบาง ฉีกขาดง่ายให้กลับมาแข็งแรง
  2. บำรุงเล็บด้วยน้ำมะนาว วิตามินซีจากน้ำมะนาว จะช่วยให้เล็บที่เหลืองกลับมามีสุขภาพดี
  3. รับประทานอาหารที่มีไบโอติน เช่น แครอท มะเขือเทศ แตงกวา ไบโอตินช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของเล็บ

ถ้ารักการทำเล็บต้องให้ความใส่ใจกับเล็บด้วย การทำเล็บเจลไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่การทำแบบเว้นระยะห่างจะทำให้เล็บของเราสุขภาพดี และไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังหรือโรคที่มากับเล็บ

ร่วมแสดงความคิดเห็น