“วัดพิพัฒน์มงคล” สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย จากตัวเมือง จังหวัดสุโขทัยไป อำเภอทุ่งเสลี่ยม ระยะทาง 60 กิโลเมตร และจากที่ว่าการอำเภอทุ่งเสลี่ยม ไปยังวัดพิพัฒน์มงคล 3 กิโลเมตร
วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” ขอนำเสนอถึงวัดพิพัฒน์มงคลที่เป็นที่เลื่อมใสของชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวในวันหยุดของท่านอีกทางหนึ่ง
สถานที่ตั้ง
“วัดพิพัฒน์มงคล” ตั้งอยู่ที่ 464 หมู่ 2 ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย 64150 โทรวัด 055-659072
ประวัติความเป็นมา
แต่เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้างกลางทุ่งนา สันนิษฐานว่าเป็นวัดมาก่อนประมาณ 700 ปี ไม่ปรากฏหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ แต่พบเพียงรากฐานอุโบสถ เจดีย์โบราณ ซึ่งจมอยู่ใต้พื้นดินลึกลงไปประมาณ 1.50 เมตร และวัดแห่งนี้ยังเป็นสถานธรรมชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และยังเป็นแหล่งสถานที่ศึกษาเชิงพุทธศาสนา และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธรูปทองคำ” ( พระพุทธรูปสุโขโพธิ์ทอง ) ซึ่งเป็นทองคำแท้ มีอายุยาว 500 ปี หนัก 9 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีความงดงามและเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
และมี “หลวงพ่อพระครูวรคุณประยุต” (พระอาจารย์พิพัฒน์มงคล) เจ้าอาวาสและเจ้าคณะอำเภอ ทุ่งเสลี่ยม เป็นผู้ก่อตั้งสร้างวัดศิลปะโบราณทรงไทยล้านนาขึ้นเป็นจำนวนมากในวัดแห่งนี้ เช่น โบสถ์เรือนแก้ว วิหารล้านนา ลานศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีนักธรรมการพัฒนาและการปฏิบัติธรรม
อุโบสถและวิหารภายในวัดพิพัฒน์มงคล
คำแนะนำสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชมวัดแล้วต้องการมาพักค้างแรมปฏิบัติธรรม ทางวัดมีห้องพักขนาดใหญ่จำนวน 10 ห้อง รองรับได้ประมาณ 40 กว่าคน และทางวัดได้นำอาหารและน้ำไว้ให้บริการตลอดเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
วัดพิพัฒน์มงคลแห่งนี้สวยงามอลังการ และเงียบสงบเหมาะสำหรับการพาครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมาทำบุญและพักผ่อนจิตใจ
การเดินทาง
เดินทางโดยออกจากตัวเมืองจังหวัดสุโขทัยไป อำเภอทุ่งเสลี่ยม ระยะทาง 60 กิโลเมตร และจากที่ว่าการอำเภอทุ่งเสลี่ยม ไปยังวัดพิพัฒน์มงคลประมาณ 3 กิโลเมตร
กล่าวได้ว่า วัดพิพัฒน์มงคลแห่งนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการท่องเที่ยว และยังสวยงามอลังการ และเงียบสงบเหมาะสำหรับการพาครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมาทำบุญและพักผ่อนจิตใจ เป็นอย่างยิ่ง “เชียงใหม่นิวส์” หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อนักเที่ยวหลายๆท่าน ไม่มากก็น้อย
ภาพจาก : แอ่วเหนือ
ข้อมูลจาก : www.paiduaykan.com
เรียบเรียงโดย: “เชียงใหม่นิวส์”
ร่วมแสดงความคิดเห็น