มะเร็งตับ…โรคร้ายที่ไม่มีสัญญาณเตือน!!!

ปัจจุบันแนวโน้มของคนไทยที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับสูงที่สุดในโลก (ชาย = 36.9 ต่อประชากร 100,000 คนและหญิง = 15.2 ต่อประชากร 100,000 คน) โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยถึง 30 รายทั่วประเทศ

วันนี้ ”เชียงใหม่นิวส์” จะพาทุกท่านไปรู้จักกับตับและความน่ากลัวของโรคมะเร็งตับที่คร่าชีวิตคนไทยสูงสุด

ตับมีความพิเศษอย่างไร ?

ตับเป็นอวัยวะพิเศษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย และแตกต่างจากอวัยวะอื่น ๆ คือ สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เมื่อตับบาดเจ็บหรือเซลล์ตับบางส่วนตายไป เซลล์ตับส่วนที่เหลือสามารถสร้างเนื้อตับใหม่มาทดแทนได้

หน้าที่สำคัญของตับ
จะมีหน้าที่กรองของเสียต่างๆ กำจัด หรือทำลายสารพิษ หรือสารแปลกปลอม ที่อาจหลุดผ่านเข้าไปในกระแสเลือด เช่น ยา แอลกอฮอล์ หรือสารพิษต่างๆ

มะเร็งตับเกิดขึ้นได้อย่างไร ?


“มะเร็งตับ” เกิดจากเซลล์ตับเติบโตผิดปกติ โดยเฉพาะในจุดที่เรียกว่า “DNA” ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญภายในเซลล์

DNA มีความสำคัญต่อกระบวนการทางชีวเคมีที่สำคัญในร่างกาย รวมถึงเป็นตัวควบคุมอัตราการเติบโตของเซลล์ต่างๆ เมื่อเซลล์จำนวนมากมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ก็อาจกลายเป็นก้อนเนื้อ หรือเนื้อร้ายขึ้นมาได้

โดยทั่วไป ผู้ป่วยมะเร็งตับจำนวนมากเริ่มต้นจากการที่ตับเป็นตับแข็งมาก่อน ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิด B หรือ ชนิด C การเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากภาวะตับแข็งอื่นๆ เซลล์ตับในโรคตับแข็งจะมีลักษณะเป็นพังผืด เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆเป็นสิบปี เซลล์ตับบางเซลล์อาจกลายเป็นมะเร็ง และเติบโตลุกลามมากขึ้นได้

อาการของมะเร็งตับ

ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ แต่มักจะตรวจพบเวลาที่ไปตรวจร่างกายด้วยอัลตราซาวด์ หรือตรวจพบความผิดปกติของระดับโปรตีนบางชนิดในเลือด ส่วนมากจะเป็นคนที่มีไวรัสตับอักเสบ หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับที่ไปตรวจอัลตราซาวด์
ซึ่งหากโชคดีตรวจเจอมะเร็งตับระยะเริ่มแรก ซึ่งจะมีขนาดเล็กๆ ไม่กี่เซนติเมตร แต่เมื่อมะเร็งมีขนาดโต เช่น มากกว่า 8 – 10 เซนติเมตร ก็จะทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
• น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทานอาหารไม่ได้
• ปวดแน่นท้องบริเวณด้านขวา หรือบริเวณลิ้นปี่ อาจปวดร้าวไปที่หัวไหล่ขวา
• อาจคลำพบก้อนในท้องใต้ชายโครงขวา หรือลิ้นปี่ในบางคนที่มีโรคตับแข็งร่วมด้วย
• หากมะเร็งตับลุกลามมาก อาจพบว่า มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องมาน บางคนอาจจะมีอาเจียนออกมาเป็นเลือด

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ


• การดื่มแอลกอฮอล์ทุกวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายปี
• เชื้อราชนิด Aflatoxin ซึ่งมีมากในอาหารพวกถั่ว พริก ที่เก็บเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ และนำมารับประทานโดยไม่ผ่านความร้อน
• โรคเบาหวานที่มีไขมันสะสมในตับมาก
• การสูบบุหรี่
• ผู้ที่เป็นโรคทางเดินน้ำดีอักเสบ ซึ่งไม่ค่อยพบในประเทศไทย

ดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
เชื้อราที่เกิดจากพริก
สูบบุหรี่

อย่างไรก็ตาม การใส่ใจสุขภาพโดยการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่อตับ เพราะมะเร็งตับนั้นไม่มีสัญญาณเตือนให้ทราบ กว่าจะรู้ตัว เนื้อเยื่อตับอาจถูกทำลายไปมากแล้ว อีกทั้งควรตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ เพื่อการป้องกันโรคต่าง ๆ ของตับ

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”

ร่วมแสดงความคิดเห็น