ทุกคนคงรู้จักถั่วเหลืองกันมาตั้งแต่เด็กๆ “ถั่วเหลือง” คือวัตถุดิบอีกชนิดที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาประกอบไปอาหารทั้งคาวและหวานได้อย่างหลากหลาย หลายคนชื่นชอบในรสชาติของถั่วเหลืองที่มีความมัน อร่อย อยู่ในตัวเอง ขณะที่หลายคนก็รู้สึกว่าการทานถั่วเหลืองเป็นสิ่งที่ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” นำสาระความรู้มาฝาก เรื่อง ถั่วเหลือง ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเรา อย่างไรบ้าง
ถั่วเหลือง (Glycine max)
ถั่วเหลืองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Glycine max (L.) Merrill อยู่ในวงศ์ (Family) Legumeminosae เป็นพืชล้มลุก ทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่เหมาะสำหรับปลูกสลับกับการปลูกข้าว อยู่ในอาหารหมู่ที่ 1 ประเภทโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต สร้างเซลและเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ
ลักษณะส่วนต่างๆ ของถั่วเหลือง
ต้นถั่วเหลือง – ลำต้นตรง เป็นพุ่ม แตกกิ่งออกได้มาก ความสูงราว 30-150 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความชื้น และช่วงฤดูที่ทำการเพาะปลูก ขนปกคลุมทั่วไปตามลำต้น ยกเว้นตรงใบเลี้ยงและกลีบดอก แบ่งได้เป็น ต้นถั่วเหลืองชนิดทอดยอดและไม่ทอดยอด พอเมล็ดแก่ฝักจะแห้งแล้วตายไปทำให้เป็นที่มาอีกชื่ออย่าง “ถั่วแม่ตาย”
รากถั่วเหลือง – เป็นระบบรากแก้ว ถ้าดินร่วนรากสามารถหยั่งลึกได้ 0-5-1 เมตร แต่ปกติระบบรากจะอยู่ประมาณ 30-45 ซม. ประกอบไปด้วยรากแก้วที่โตมาจากรากแรกของต้น มีรากฝอยหรือรากแขนงที่มาจากรากแก้ว ส่วนปมรากเกิดจากแบคทีเรียไรโซเบียมสะสมอยู่
ใบถั่วเหลือง – ตอนต้นอ่อนจะมีใบเลี้ยง ใบจริงคู่แรกเป็นใบเดี่ยว ซึ่งใบจริงที่เกิดขึ้นต่อมาจะเป็นใบประกอบแบบ 3 ใบย่อย คือ ใบย่อยด้านปลาย 1 ใบ และด้านข้างอีก 2 ใบ ลักษณะทรงใบมีหลายแบบ เช่น รูปไข่จนเรียวยาว โคนก้านใบมีหูใบ 2 อัน โคนก้านใบของใบย่อยมีหูใบย่อย 1 อัน มีขนสีน้ำตาลหรือเทาขึ้นที่ใบปกคลุมไปทั่ว
ดอกถั่วเหลือง – ออกเป็นช่อ ช่อดอกเป็นแบบกระจะ สีขาวหรือม่วงซึ่งสีขาวจะเป็นลักษณะด้อยพอบานเต็มที่ขนาดอยู่ราว 3-8 มม. ดอกนี้จะเกิดตามมุมของก้านใบหรือตามยอดลำต้น ใบหนึ่งช่อดอกจะมีดอกออกตั้งแต่ 3-15 ดอก ข่อดอกที่เกิดตามลำต้นมักมีจำนวนดอกในช่อมากกว่าช่อดอกที่เกิดบริเวณมุมใบ ช่อดอกประกอบไปด้วยก้านช่อดอกและก้านดอกย่อย กลีบเลี้ยงด้านนอกสีเขียว สั้น มีสองกลีบ มีขนปกคลุม กลีบรองดอกถัดจากกลีบเลี้ยงฐานติดกันมีห้าแฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ
ฝักถั่วเหลือง – ออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2-10 ฝัก ขนสีเทาหรือน้ำตาลปกคลุมทั่วฝัก ยาว 2-7 ซม. แต่ละฝักจะมี 1-5 เมล็ด แต่ส่วนมากจะมี 2-3 เมล็ด ฝักอ่อนสีเขียว พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล พอแตกออกเมล็ดก็จะร่วงออก
เมล็ดถั่วเหลือง – มีสีเหลือง เขียว น้ำตาล ดำก็ได้ ขนาดและรูปร่างต่างกัน กลมรีถึงยาว เมล็ดเล็กจำนวน 100 เมล็ดหนักราว 2 กรัม เมล็ดใหญ่อาจหนักกว่า 40 กรัม
ส่วนประกอบทางสารเคมีที่มีอยู่ในถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีน้ำมันประกอบอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 40 เปอร์เซ็นต์ และคาร์โบไฮเดรต 35 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักถั่วเลือง
ความร้อนเสถียรในการเก็บโปรตีน มีผลต่อโปรตีนถั่วเหลือง เพราะ จะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากถั่วเหลืองต้องการความร้อนสูง เช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง ในการทำ ตั้งแต่คาร์โบไฮเดรต ในถั่วเหลืองถูกพบเป็นส่วนใหญ่ในเวย์ หรือ หางนม และถูกทำลายลงระหว่างการเดือดเป็นฟอง เต้าหู้ ซอสถั่วเหลือง จะไม่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะหรือลำไส้
การปลูกถั่วเหลืองในประเทศไทย
ไม่มีหลักฐานว่าเริ่มปลูกถั่วเหลืองครั้งแรกเมื่อใด แต่เชื่อกันว่า ชาวจีนที่อพยพมาได้นำถั่วเหลืองเข้ามาด้วยเมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว ได้มีการปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลืองอย่างจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ทำให้มีถั่วเหลืองพันธุ์ดีเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน การผลิตถั่วเหลืองในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ต้องมีการนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศ
ถั่วเหลืองกับการดัดแปลงพันธุกรรม
ถั่วเหลือง เป็นอาหารที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมชนิดหนึ่ง ตัวเลขของผลิตภัณฑ์ใช้ถั่วเหลืองที่ดัดแปลงพันธุกรรมมีมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2538 บริษัทที่ชื่อว่า monsanto ได้นำเข้าถั่วเหลืองที่มีการคัดลอกยีนมาจากแบคทีเรียม(bacterium) ที่ชื่อว่า Agrobacterium ซึ่งทำให้พืชถั่วเหลืองสามารถทนต่อการพ่น herbicideยีนของบัคเนเรียคือ EPSP (5-enolpyruvyl shikimic acid-3-phosphate) ถั่วเหลืองโดยทั่วๆไปจะมียีนนี้อยู่แล้วแต่จะไวต่อ glyphosate แต่พันธุ์ที่ดัดแปลงใหม่จะทนได้
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
การแปรรูปถั่วเหลืองให้ได้ผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายขึ้น และเป็นที่นิยมของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่จำหน่ายในท้องตลาด แบ่งได้เป็นกลุ่มใหญ่ดังนี้
- น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วเหลืองเป็นพืชน้ำมันที่สำคัญในหลายประเทศอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง ประเทศในแถบเอเชีย เช่น ไทย จีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.1 ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่ไม่ผ่านการหมักและผ่านการหมักก่อน เช่น น้ำนมถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วงอกที่เพาะจากถั่วเหลือง เป็นต้น
1.2 ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักถั่วเหลือง เช่น ถั่วเน่า เต็มเป ซอสถั่วเหลือง เต้าเจี้ยว เป็นต้น - โปรตีนจากถั่วเหลือง หลังจากการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองด้วยตัวทำละลายแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นเนื้อถั่วทีอุดมด้วยโปรตีน สามารถแปรรูปเป็นอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อเทียม (โปรตีนเกษตร) แป้ง เบเกอรี ทำโปรตีนเข้มข้น หรือผ่านกรรมวิธีเพื่อแยกเอาโปรตีนบริสุทธิ์
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้จากการแปรรูปถั่วเหลือง
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในหลายๆ ประเทศ เพื่อเป็นการขยายตลาดและเพิ่มความนิยมในการบริโภคถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ตถั่วเหลือง เนยถั่วเหลือง เป็นต้น
อาหารเสริมจากถั่วเหลือง
เนื่องจากถั่วเหลืองมีสารเคมี ที่เป็นประโยชน์หลายชนิด เช่น เลซิติน โอลิโกแซคคาไรด์ วิตามินอี สเตอรอล ไฟเตทเป็นต้น สามารถใช้ถั่วเหลืองเพื่อช่วยเพิ่มเยื่อใยและคุณค่าทางอาหาร
คุณค่าสารอาหารของถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีโปรตีน เลซิทิน และกรดอะมิโน รวมทั้งมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอะซิน วิตามินบี1 และบี2 วิตามินเอและอี ทำให้
- สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก
- ป้องกันการขาดแคลเซียมในกระดูก
- บำรุงระบบประสาทในสมอง
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
- ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
- สารสกัดจากถั่วเหลืองอบแห้งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของถั่วเหลือง
1.ถั่วเหลืองช่วยให้หัวใจแข็งแรง
ถั่วเหลืองมีสรรพคุณ ในการดูแลหัวใจของคุณโปรตีนจากถั่วเหลือง เส้นใยอาหาร และสารไอโซฟลาโวนที่มีในถั่วเหลืองซึ่งมีส่วนช่วยทางด้าน ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต รักษาให้หลอดเลือดให้มีความยืดหยุ่นเมื่อคุณอายุมากขึ้น
2.ถั่วเหลืองช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
ผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าถั่วเหลืองช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ การศึกษาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้แสดงว่าผู้หญิง ที่บริโภคถั่วเหลืองในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นปริมาณระหว่าง 1-1½ ต่อวัน สามารถลดอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเป็นผู้ใหญ่ได้ถึง 60%
3.ถั่วเหลืองช่วยให้กระดูกแข็งแรง
แม้ว่าจะยังต้องมีการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้เพิ่มเติม แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงว่าไอโซฟลาโวนในอาหารที่มีส่วนประกอบจากถั่วเหลืองอาจมีส่วนช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง ด้วยการเพิ่มมวลกระดูกและความหนาแน่น
4.ช่วยให้น้ำหนักลดลง
ไฟเบอร์ที่พบได้ในนมถั่วเหลืองมีผลกระทบที่สำคัญต่อดัชนีมวลกาย ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี และน้ำหนักตัว ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน ความดันโลหิต และระดับไขมันส่วนเกิน เมื่อผสมผสานการทานถั่วเหลืองกับอาหารที่มีไขมันต่ำชนิดอื่นๆ โปรตีนในถั่วเหลืองจะช่วยให้น้ำหนักลดลง แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งมวลของกล้ามเนื้อในคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
5.แก้ปัญหาผิว
การทานอาหารที่มีส่วนผสมของถั่วเหลืองอาจช่วยลดสิวได้ค่ะ นอกจากนี้ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ใช้รักษาปัญหาผิวอย่าง Hyperpigmentation ซึ่งทำให้ผิวมีสีเข้มมากผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการค้นพบด้วยว่า สารประกอบที่พบในถั่วเหลืองสามารถช่วยต้านความแก่ชราได้ ด้วยเหตุนี้ นมถั่วเหลืองจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากมีผิวสวย หรือมีผิวที่ดูเด็กกว่าวัย
6.ถั่วเหลืองช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
ผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าถั่วเหลืองช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ การศึกษาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้แสดงว่าผู้หญิง ที่บริโภคถั่วเหลืองในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่นปริมาณระหว่าง 1-1½ ต่อวัน สามารถลดอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเป็นผู้ใหญ่ได้ถึง 60%
7.ถั่วเหลืองช่วยลดอาการที่เกิดจากวัยทอง
ผู้หญิงส่วนมากในประเทศแถบเอเชีย ที่รับประทานอาหารประเภทถั่วเหลือง เป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่บริโภคตามปกติ มักไม่ค่อยเกิดอาการร้อนวูบวาบในช่วงวัยทอง การศึกษาพบว่าไอโซฟลาโวนในถั่วเหลือง ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการร้อนวูบวาบลงถึง 20% ถั่วเหลืองและเต้าหู้ได้รับการแนะนำ จากสมาคมวัยทองแห่งอเมริกาเหนือในการช่วยลดอาการวัยทอง
โทษของถั่วเหลือง
1.การทานถั่วเหลืองในปริมาณมากเกินความต้องการจะทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีในร่างกายมากเกินไป ซึ่งฮอร์โมนที่ว่าจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ ส่อทำให้กลายเป็นหมัน
2.ถั่วเหลืองมีสาร Phytic Acid สูงมาก สารชนิดนี้จะเข้าไปยับยั้งการดูดซึมเกลือแร่ สังกะสี แคลเซียม เหล็ก แม็กนีเซียม ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน
3.มีสารต้านน้ำย่อยโปรตีน หากทานมากเกินไปทำให้ร่างกายเกิดสภาวะไม่สามารถย่อยสารอาหารประเภทโปรตีนได้
4.ผู้ชายที่ทานมากเกินไปจะเกิดการเสื่อมสรรถนะทางเพศไปโดยปริยายจากการที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีอยู่ในเพศหญิงมากจนเกินไปนั่นเอง
สรุป
ถั่วเหลืองเป็นธัญพืชที่อัดแน่นไปด้วยประโยชน์อย่างแท้จริง ไล่ตั้งแต่ บำรุงผิวไปจนถึงป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ เราควรควบคุมการรับประทานถั่วเหลืองให้เหมาะสม เพราะหากใครแพ้ถั่ว หรือเป็น โรคแพ้ถั่วปากอ้า ควรหลีกเลี่ยงในการรับประทาน เพราะคนที่แพ้ถั่วหากรับประทานถั่ว หรือส่วนผสมที่เกี่ยวกับถั่วอาจเกิดอันตราต่อชีวิตได้
เรียบเรียงโดย: “เชียงใหม่นิวส์”
ภาพจากเว็บ: http://issue247.com/health/soy-good-bad-balanced/
บทความเกี่ยวข้อง
โรคแพ้ถั่วปากอ้า G6PD โรคร้ายที่คนเชียงใหม่…ไม่รู้จัก
โรคกระดูกพรุน รู้ทันปัจจัยเสี่ยง โรคที่ไม่ได้เป็นเฉพาะผู้สูงวัย
ร่วมแสดงความคิดเห็น