เฒ่า 72 หึงโหด ใช้ไม้หน้าสามฟาดหัวกิ๊กสาวลูกสาม ตายอนาถคาบ้านพัก กลัวความผิดซดยาพิษ แขวนคอตายหนีผิด

เมื่อวันที่ 22 ม.ค.62 เวลาประมาณ 00.40 น. พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว ผกก.สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และ ร.ต.อ.ทินกร โชติชัยพิกุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.สันกำแพงได้รับแจ้งเหตุ มีผู้พบผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ภายในบ้านเลขที่ 147/48 ม.8 (หมู่บ้านแพรวา) บ้านสันป่าค่า ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ จึงได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านลักษณะทาวเฮาส์ชั้นเดียว ดังกล่าว โดยพบ ผู้เสียชีวิตดังต่อไปนี้คือ

รายที่ 1 นางศศิธร เรือนถา อายุ 26 ปี หมู่ 8 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณทางเดินหลังห้องหน้าห้องน้ำ ในลักษณะนอนตะแคงข้าง ที่ศรีษะพบรอยถูกตีด้วยของแข็ง กระโหลกยุบ เป็นแผลฉกรรจ์ หลายแผล

รายที่ 2 พบศพ นายสมพงษ์ ชื่นใจ อายุ 72 ปี ม.8 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ แขวนคอตายอยู่ในห้องนอนที่เกิดเหตุ ห่างจากศพรายแรกประมาณ 3 เมตร

พบหลักฐานในที่เกิดเหตุดังนี้คือ
1.ไม้หน้าสาม ขนาดยาว ประมาณ 1 ฟุตครึ่ง จำนวน 1 ท่อน มีคราบเลือดติด ตกอยู่ใกล้เคียงกับศพ ของ นางศศิธรฯ ที่นอนเสียชีวิตอยู่ ห้องครัวในส่วนด้านหลังของตัวบ้าน
2. ขวดเบียร์(ช้าง) มีกลิ่นยาฆ่าหญ้า/ฆ่าแมลง อยู่ใกล้เคียงกับศพของ นายสมพงษ์ฯ ผู้ตายที่แขวนคอภายในห้องนอนในบ้านที่เกิดเหตุ จึงได้ทำการชันสูตรพลิกศพ ร่วมการแพทย์ โรงพยาบาลสันกำแพง เบื้องต้นได้พบลักษณะการตายตามที่ปรากฎและสันนิษฐานว่า ศพได้เสียชีวิตมาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และนำศพผู้ตายทั้งสอง ส่งไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลมาราชนครเชียงใหม่

จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าพฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุ นางศศิธรฯผู้ตายซึ่งมีสามี คือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 30ปี ม.2 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ด้วยกันมีบุตร 3 คน นางศศิธรฯ ผู้ตาย ได้ลักลอบคบหาและมีความสัมพันธ์ กับ นายสมพงษ์ ฯซึ่งหย่าร้างกับภรรยาและอยู่เพียงลำพังในบ้านที่เกิดเหตุ โดยระหว่างคบกัน นางศศิธรฯได้ขอเงินจาก นายสมพงษ์ฯใช้เป็นประจำและบ่อยครั้ง จน นายสมพงษ์ฯต้องไปหาเงินโดยการกู้ยืมเงินตามละแวกใกล้เคียงอยู่บ่อยครั้ง โดย จะแอบมาพบกันในบ้านที่เกิดเหตุเป็นประจำ จนกระทั่ง เวลาประมาณ 13.00น. เศษ มีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ข้างเคียงบ้านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียง ผู้ตายทั้งสองทะเลาะกันภายในบ้าน ได้ประมาณไม่นาน จากนั้นเหตุการณ์ก็สงบไป

จนกระทั่งเวลาช่วงเย็น ทางฝ่าย สามีของ นางศศิธรฯได้ออกติดตามหาตัว นางศศิธรฯซึ่งได้หายออกจากบ้านมา ประมาณ เวลา13.00 น.ของวันเดียวกัน โดยได้มาพบ รถจักรยานยนต์ ของ นางศศิธรฯจอดอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ พบความผิดปกติ ด้านในบ้านปิดไฟมืดและถูกปิดล๊อคจากทางใน และไม่มีเสียงตอบจากด้านในบ้าน จึงได้ไปติดตามตัว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คือ นายพรชัย วงศ์ซาว มาช่วยงัดซี่หน้าต่างไม้ของตัวบ้าน ออก จึงได้พบ ศพผู้ตายทั้งสองตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นในบ้านที่เกิดเหตุ

จากการสืบสวนสอบสวน และจากการสอบถามข้อมูลจากคนในหมู่บ้านเชื่อว่า ผู้ตายทั้งสองได้แอบคบกันฉันท์ชู้สาว มานานและจะนัดมาพบกันที่บ้านที่เกิดเหตุเป็นประจำ และประกอบกับชาวบ้านได้ให้ข้อมูลว่า นายสมพงษ์ฯผู้ตายได้หาเงินโดยไปหยิบยืมจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าวไปดูแล นางศศิธรฯ มาโดยตลอดต่อมาเกิดความหึงหวงกันเกรงว่า นางศศิธรฯที่มี สามีอยู่แล้วจะกลับไปมีใจให้กับสามี และหลอกเอาเงินจาก นายสมพงษ์ฯมาโดยตลอดจนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง นายสมพงษ์ฯจึงได้ใช้ไม้หน้าสามที่พบ ในที่เกิดเหตุกระหน่ำตีไปยัง ศีรษะ นางศศิธรฯหลายครั้งอย่างแรงจน นางศศิธรฯ เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ ถึงเกิดเหตุ นายสมพงศ์ฯ อาจจะกลัวความผิดหรือเสียใจในการกระทำที่เกิดขึ้น จึงได้นำยาฆ่าแมลงที่ตนตระเตรียมมาผสมกับเบียร์แล้วดื่ม พร้อมกับ ใช้เชือกผูกคอตายในบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งในคดีนี้ ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันในที่เกิดเหตุ

แต่จากสภาพที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านซึ่งมีประตูหน้าต่างแน่นหนาไม่สามารถมีบุคคลภายนอกเข้าไปในตัวบ้านได้ เนื่องจากประตูถูกปิดล๊อคจากด้านในบ้านทั้งหมด และไม่มีช่องทางที่บุคคลอื่นจะเข้าไปก่อเหตุ ประกอบกับมี การทะเลาะกันอย่างรุนแรงในบ้านก่อนเกิดเหตุ เบื้องต้นจึงสันนิษฐานตามเหตุผลดังกล่าว และในเบื้องต้นได้ติดตามญาติของผู้ตายทั้งสองฝ่ายมาดูศพและที่เกิดเหตุ เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ไม่ติดใจว่าจะเป็นเหตุอื่นหรือมีบุคคลอื่น เข้าไปกระทำแต่อย่างใด ในคดีนี้ทาง พนักงานสอบสวน จะได้ทำการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวให้ละเอียดและแน่ชัดต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น