กระแส “มินิมอลลิสต์” ชีวิตเรียบง่ายที่กำลังได้รับความนิยม

ทุกวันนี้ “กระแสบริโภคนิยม” ไปไกลเกินกว่ากำลังทรัพย์ของประชาชนส่วนใหญ่ สินค้าต่าง ๆ ถูกผนวกเข้ากับการตลาด และแฟชั่น การไม่มีของบางอย่างในครอบครองกลายเป็นความแปลกแยก สมาร์ทโฟนต้องเป็นรุ่นใหม่เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานใด ๆ ทำให้เราใช้จ่ายเกินความจำเป็น และสร้างภาระหนี้ขึ้นมา โดยที่หนี้เหล่านั้นเป็นหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใด นอกจากความพอใจในชั่วขณะ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทำให้หลายคนหันมาใช้แนวคิดแบบ Minimalist ในการตกแต่งบ้าน

แล้วแนวคิดแบบ Minimalist คืออะไรวันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาเล่าให้ฟัง

Minimalist คืออะไร

จริง ๆ แล้ว หลักการของ Minimalist คือ “การประหยัด” การไม่มีของที่ไม่จำเป็นหรือเกินความจำเป็น ดังนั้นหากเราเจออะไรก็ตามที่โชว์ความมินิมอล แต่เพื่อเน้นการจูงใจให้ซื้อ โดยยึดเรื่องของความสวยงามเป็นหลัก นั่นคือแฟชั่นที่นำรูปแบบของมินิมอลมาเป็นจุดขาย ไม่ใช่หลักการมินิมอลจริง ๆ

อยากออกแบบและตกแต่งบ้าน โดยใช้แนวคิดแบบ Minimalist ต้องทำอย่างไร

แนวคิดแบบมินิมอลลิสต์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น โดยยึดตามกฎที่ว่า หากคุณใส่ใจในรายละเอียดมากเกินไปในพื้นที่ จะทำให้ไม่มีอะไรเด่นชัดขึ้นมาเลย จึงแต่งห้องด้วยของน้อยชิ้น แต่ดูอิมแพคและน่าสนใจ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จะเป็นชิ้นที่สำคัญเท่านั้น ยิ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามการใช้งานได้ยิ่งดี ของตกแต่งกระจุกกระจิกจะถูกนำออกไป รูปภาพแห่งความทรงจำจะถูกจัดวางอยู่ในห้องเพียงไม่กี่รูป โดยรูปที่เหลือจะถูกเก็บเป็นดิจิตอลแทน และจะเน้นใช้สีเรียบๆ ในการตกแต่ง เช่น สีขาว เทา ดำ หรือเอิร์ธโทน เช่น สีน้ำตาลจากไม้ สีเทาของหิน สีขาวของท้องฟ้า และสีเขียวของใบไม้

สรุป

การคิดแบบมินิมอล จะสอนให้คุณรู้จักประเมินความสำคัญของสิ่งของที่มีอยู่ รู้จักแยกแยะว่าอะไรสำคัญ และสิ่งใดคือความจำเป็น จึงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การมีของน้อยชิ้น ส่งผลให้ห้องมีพื้นที่ว่างกว้างขึ้น มีระเบียบขึ้น มีความปลอดโปร่ง ดูสบายตา

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ยิ่งกระแสมินิมอลลิสต์ได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจในประเทศซบเซาลงเท่านั้น เพราะการมีความคิดแบบนี้ ทำให้คนไม่ให้คุณค่าในการครอบครองสิ่งของ จึงทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”

อ้างอิงข้อมูลจาก : www.prachachat.net , http://jpninfo.com

ร่วมแสดงความคิดเห็น