“ช็อคโกแลต” สร้างอารมณ์ดี แต่มีสิว!

เชื่อว่าวัยรุ่นหลาย ๆ คนในที่นี่ชอบทานช็อคโกแลต อาจเป็น เพราะเวลาเครียด ๆ หรืออารมณ์ไม่ดี เจ้าช็อคโกแลตเนี่ย จะช่วยให้อารมณ์ดี หายหงุดหงิดได้ทันที แต่ก็เป็นปัญหากับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่รักสวยรักงาม ไม่กล้าทานช็อคโกแลตมากสักเท่าไร เพราะกลัวอ้วนเนื่องจากในตัวช็อคโกแลตมีปริมาณน้ำตาลจำนวนมากที่ซ้อนอยู่ในนั้นและยังมีอีกหนึ่งความเชื่อที่ว่าช็อคโกแลตเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวนั้นเอง….

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาไขปริศนาว่า ช็อคโกแลต ทำให้เกิดสิวจริงหรือไม่ ?

ทานช็อกโกแลตเป็นสิว ชัวร์ หรือมั่วนิ่ม?

ความเป็นจริงแล้ว “ช็อกโกแลต” กับ “สิว” ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย มีงานวิจัยจาก University of Pennsylvania โดย Dr. Albert Kligman ที่ทำการทดลองโดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะได้ทานขนมที่ทำจากช็อคโกแลตจริง ส่วนกลุ่มที่สองจะได้ทานขนมที่ทำกลิ่น และรสชาติเลียนแบบช็อคโกแลต โดยผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนเข้าใจว่าตัวเองได้ทานช็อคโกแลตของจริง ผลการทดสอบปรากฏว่า ทั้งสองกลุ่มมีอัตราการเกิดสิวไม่ต่างกันเลย นั่นหมายความว่า “ช็อกโกแลตไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดสิวโดยตรงอย่างที่เข้าใจกัน”

ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้เกิดสิวคือ….

นม และน้ำตาล ที่อยู่ในช็อกโกแลต ไปกระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมันออกมาจากรูขุมขนมากจนเกินไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสิวขึ้นนั้นเอง

ช็อคโกแลตก็ยังมีประโยชน์อยู่นะ

ในทางกลับกัน ช็อคโกแลตนั้นให้ประโยชน์ต่อผิวเรามากกว่าที่คิด แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเป็น “ดาร์ก ช็อคโกแลต (Dark Chocolate)” เท่านั้น เพราะมีปริมาณนม และน้ำตาลน้อย ประกอบไปด้วยโกโก้ในปริมาณสูง ซึ่งประโยชน์ต่อผิวที่ได้จากการทาน ดาร์ก ช็อคโกแลต ก็คือ อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) จากธรรมชาติในปริมาณที่สูงมาก มีค่า ORAC หรือค่าในการต่อต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ อย่างอาซาอิเบอร์รี และบลูเบอร์รี่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทานดาร์คช็อคโกแลตเป็นประจำก็คือผิวเด็กกว่าอายุจริง ดูอ่อนกว่าวัยนั่นเอง

รู้อย่างนี้แล้ว วันหลังก็ไม่ต้องกลัวว่า ทานช็อคโกแลตแล้วจะเป็นสิวอีก แต่อย่าลืมว่าต้องเลือกทานดาร์ก ช็อคโกแลตเท่านั้น เพราะนอกจากจะไม่เป็นสิว ไม่อ้วน ยังช่วยให้ผิวสวยได้อีกด้วย นี่ยังไม่นับว่าทานแล้วช่วยให้อารมณ์ดีได้อีกด้วยนะ ว่าแล้วก็ขอตัวไปทานช็อคโกแลตก่อนนะทุกคน…

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”

ข้อมูลจาก :www.idskinexpert.com/knowledge