ไฟไหม้กาดหลวง กาดต้นลำไย พ.ศ.2511

กาดทั้งสามตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ําปิงบนถนนสองสายที่เชื่อมต่อกันคือ ถนนช้างม่อยและถนนวิชยานนท์ กาดหลวงตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อของ ถนนทั้งสองสาย กาดเจ็ก

โอ้วตั้งอยู่ทางทิศเหนือตรงข้ามกาดหลวงทางฝั่งถนนช้างม่อย ในขณะที่กาดต้นลําไยตั้งอยู่ตรงข้ามกาดหลวงทางฝั่งถนนวิชยานนท์ กาดทั้งสามตั้งขึ้น ในช่วงที่การค้าทางเรือระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ มีความเจริญเติบโตมาปั่น ในปวงนั้นมีเรือสินค้าเข้ามาจอดรับส่งสินค้าที่ท่านาทางฝั่งตะวันตกเป็นจํานวนมาก ท่าเรือ สาคัญทางฝั่งนี้คือ คุ้มค่าซึ่งตั้งอยู่หน้าคุ้มเจดีย์กิว (ปัจจุบันคือสถานกงสุลอเมริกัน) ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือสําหรับจอดขบวนเรือของเจ้าหลวงและเรือหางแมงป่องที่เห็น ทางไปมาระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ

เล่ากันว่า ในแต่ละวันมีเรือมาจอดเรียงรายยาวจากคุ้มท่าจนถึงคุ้มเจ้าแก้วนว รัฐ (ปัจจุบันคือกาดเจ็กโอ้ว) ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนค่อยๆ ทยอยเข้ามาตั้งถิ่นฐานท่า มาหากิน บางคนเป็นพ่อค้าคนกลางซื้อขายสินค้าที่มาจากกรุงเทพฯ และซื้อสินค้าจาก ภาคเหนือส่งลงไปขายที่กรุงเทพฯ บางคนทําการค้ากับพ่อค้าคนกลางขายสินค้า อุปโภคและบริโภค เช่น อาหาร พืชผัก เนื้อสัตว์ ของแห้ง และเสื้อผ้า เป็นต้น เมื่อรถไฟมาถึงเชียงใหม่ สะพานข้ามน้ายิ่งสร้างเสร็จก็ยิ่งทําให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาตั้งร้านค้า ทํามาหากินหนาแน่นมากขึ้น ทําให้ตลาดทั้งสามแห่งนี้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นตามการหลั่ง ไหลของผู้คนที่เข้ามาทํามาหากิน

กาดหลวงหรือตลาดวโรรส ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นข่วงเมรุหรือสุสานเก่า ของเจ้านายฝ่ายเหนือ ในปีพ.ศ. 2452 พระราชชายาเจ้าดารารัศมีโปรดให้ย้ายสุสานไป ไว้รวมกันที่วัดสวนดอก และในปีพ.ศ. 2453 พระองค์ได้พัฒนาพื้นที่นี้ขึ้นเป็นกาด เพื่อให้คนได้แลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ชื่อกาดวโรรสนํามาจากพระนามของเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์ที่ 8

กาดต้นลําไย หรือตลาดต้นลําไย ในหนังสือเรื่องเล่าจาวกาด เล่ม 2 กล่าวว่า เดิมบริเวณนี้เป็นแหล่งเลี้ยงช้างและที่อาบน้ําช้างของเจ้าหลวงผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่ ต่อมาหลวงโยนการพิจิตร (หม่องปั้นโหย่ว อุปโยคิน) เข้ามาขอเช่าที่เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยง ข้างชักลากซุง ล่องตามน้ําปิงของบริษัทบอร์เนียวและบอมเบย์เบอร์มา พร้อมกับสร้างห้องแถวติดแม่น้ําปิงให้คนงานอาศัยอยู่ ทําให้บริเวณนี้กลายเป็นชุมชนย่อย ๆ และมี พ่อค้าแม่ค้าทยอยนําสินค้ามาตั้งขายใต้ต้นลําไยให้กับคนงานและคนที่สัญจรไปมา เมื่อแรกตั้งมีลักษณะเป็นกาดก้อมเล็ก ๆ ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็นตลาดขนาดใหญ่ เรียกว่า กาดต้นลําไย

กาดเจ็กโอ้วหรือตลาดนวรัฐ ตั้งขึ้นตามชื่อของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงองศ์ที่ 9 (พ.ศ.2452-2482) ทั้งนี้เพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นคุ้มของเจ้าแก้วนวรัฐ ใน ปีพ.ศ. 2488 เถ้าแก่โอ้ว (นายชู โอสถาพันธุ์) ได้ซื้อคุ้มหลังนี้ และอพยพครอบครัว เข้าไปอยู่ ในปี พ.ศ.2500 เถ้าแก่โอ้วได้รื้อคุ้มออกและพัฒนาพื้นที่ให้เป็นตลาด เพราะเห็นว่าบริเวณนี้อยู่ติดกับแม่น้ําปิง มีผู้คนสัญจรไปมามาก ประกอบกับตัวคุ้มเองก็ปารุด และเสื่อมโทรมลงมากแล้ว

เมื่อแรกตั้งกาดทั้งสามยังเป็นลานโล่ง ๆ ติดตลาดไม่นาน เริ่มตั้งแต่เช้ามืดพอ สายหนอยแดดแรงก็กลับบ้าน เมื่อมีคนเข้ามาค้าขายมากขึ้น จึงมีการสร้างอาคารร้านค้า ถาวรเรียงรายอยู่บนสองฝั่งถนน เป็นอาคารไม้บ้าง ตึกบ้าง ความน่าสนใจของกาดทั้งสามนี้คือ การทํามาหากินร่วมกันอย่างลงตัวระหว่างชุมชนต่างเชื้อชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือชาวจีน ชาวพื้นเมือง และชาวซิกข์ ชาวจีนและชาวพื้นเมืองขายของ จิปาถะทั้งของกินและของใช้อยู่ในตลาด ส่วนชาวซิกข์ที่เรียกว่านายห้าง ตั้งร้านขายผ้าเมตรจากโรงงานอยู่รอบนอกตลาดจากตรอกเล่าโจ้วอ้อมไปทางถนนช้างม่อยทั้งสองฝั่ง ชาวซิกข์กลุ่มนี้ย้ายมาจากแคว้นปัญจาบ ทางตอนเหนือของอินเดีย นับถือศาสนาซิกข์ ส่วนหนึ่งเป็นนิกายนามธารี ศูนย์กลางของชาวซิกข์กลุ่มนี้อยู่ที่วัดนามธารี บนถนนช้าง ม่อยตัดใหม่ใกล้ ๆ กับกาดหลวงนี้เอง

เมื่อพ.ศ. 2511 ได้เกิดโศกนาฏกรรมที่สร้างความเศร้าโศกให้กับผู้คนในกาด อย่างใหญ่หลวง กล่าวคือในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้เกิดเพลิงไหม้ที่กาดต้นสาไยและ ลามมาที่กาดหลวง ด้วยอาคารที่เป็นไม้ และสินค้าที่เป็นผ้า ทําให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดไฟก็เผาผลาญตลาดทั้งสองแห่งเสียหายอย่างยับเยิน ทําให้พ่อค้าแม่ ขายประสบปัญหาอย่างมากต้องนําของออกไปขายที่อื่น ๆ เช่น บริเวณสี่แยกโรงแรมสุรีวงศ์ บนถนนช้างคลาน เป็นต้น ต่อมาจึงได้มีการสร้างตลาดชิ้นใหม่เป็นอาคารแบบตะวัน ตกตามที่เราเห็นทุกวันนี้ ในสมัยนั้นนับว่าเป็นอาคารที่มีความทันสมัยมาก

แม้ว่ากาดทั้งสามนี้ตั้งอยู่ใกล้กัน แต่มิได้แย่งลูกค้ากัน เพราะแต่ละแห่งมีลูกค้าคนละกลุ่มเช่น กาดหลวงเป็นศูนย์กลางของผ้านานาชนิด ทั้งเสื้อผ้าสําเร็จรูป และ ผ้าเมตร รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางสินค้าของฝาก ตั้งแต่เสื้อผ้าพื้นเมือง พืชผักนานาชนิด และของกินพื้นเมือง กาดเจ็กโอ้ว เป็นศูนย์กลางของสินค้าจากโรงงานทั้งสินค้าอุปโภค และบริโภค ส่วนกาดต้นลําไย เป็นศูนย์กลางของพืชผลทางการเกษตร ทั้งพืชผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ เป็นต้น

ทุกวันนี้แม้จะมีห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่ทั่วทุกมุมเมือง คนเชียงใหม่ก็ยังคง ผูกพันกับกาดทั้งสามแห่ง ดังจะเห็นได้ว่าทุก ๆ วัน ณ พื้นที่นี้จะเต็มไปด้วยรถราหลาก ชนิดที่น่าพาผู้คนจากที่ต่าง ๆ เข้ามาจับจ่ายซื้อของ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวตลาดจะ หนาแน่นมาก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาจับจ่ายซื้อของกล้บไปฝากที่บ้าน ซึ่งเป็นเช่นนี้ มานานนับสิบปีมาแล้ว

ที่มา : รายการอ้างอิง ปลายฮ้อ ชนะนนท์. (2529). บทบาทนายทุนพ่อค้าที่มีต่อการก่อและขยายด้วของทุนนิยมภาคเหนือของประเทศไทย พ.ศ.2464-2523. วิทยานิพนธ์หลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สุภาภรณ์ อาภาวัชรุตม์ (บรรณาธิการ) (2547). เรื่องเล่าจาวกาด เล่ม 1และ 2. เชียงใหม่: มูลนิธิสถาบันพัฒนาเมือง. อุษณีย์ ธงไชย. (2550). แวดเวียงเชียงใหม่, เชียงใหม่: ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภาพ : บุญเสริม สาตราภัย

ร่วมแสดงความคิดเห็น