ต้นไม้ที่ควรปลูกในบ้าน ช่วยฟอกอากาศในยุคที่มีแต่มลพิษ

ในยุคที่มลพิษมีมากกว่าอากาศที่ดี มันจะดีขนาดไหน ? ถ้าหากเราสามารถใช้ต้นไม้ฟอกอากาศเสียเหล่านี้ในบ้านได้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่บ้าน ทำให้คุณรู้สึกสบายตา และคลายความเหนื่อยล้าจากปัญหาที่เจอในแต่ละวันได้

นอกจากมลพิษจากการปล่อยควันเสียของรถ และโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีสารเคมีที่อยู่ในบ้านแล้วคุณอาจมองข้ามไป ซึ่งมีผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพ เช่น สีทาบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของสารฟอร์มัลดีไฮด์ ไซลีน และโทลูอีน หากสัมผัสและสูดดมเข้าไปในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังและดวงตา คลื่นไส้ ปวดศรีษะ อีกทั้งยังมีสารเบนซิลที่แฝงมากับพลาสติกและสีย้อมผ้า หรือแม้แต่การสูดดมสารแอมโมเนียในห้องน้ำ เป็นระยะเวลานานก็อาจส่งผลถึงแก่ชีวิตได้

อ้างอิงภาพจาก : http://www.homedd4u.com

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” ขอเสนอต้นไม้ที่จะเป็นผู้ช่วยคุณทำหน้าที่ฟอกอากาศในบ้าน อีกทั้งยังช่วยให้บ้านของคุณดูร่มรื่นขึ้นอีกด้วย หากอยากรู้ว่าเป็นต้นไม้ชนิดไหนบ้าง ตามไปดูกันเลยครับ

อ้างอิงภาพจาก : www.ihome108.com

1.ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)
ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพร ที่หลายคนมักจะทราบกันอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติรักษาแผลและโรคต่างๆได้ เช่นโรคสะเก็ดเงิน โรคเบาหวาน แต่รู้กันหรือไม่ว่า ว่านหางจระเข้ก็มีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษในอากาศ จำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ ที่เป็นสาเหตุของการระคายเคืองกับผิวหนังและดวงตา ปวดศรีษะ ไปจนถึงโรคหอบหืด ซึ่งวิธีการด๔แลว่านหางจระเข้ก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ตั้งไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง และรดน้ำเป็นประจำ

อ้างอิงภาพจาก : www.sanook.com

2.โหรพาไทย (Holy Basil)
โหรพาไทยหรือโหระพาก้านแดง นอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารให้มีรสชาติหอมอร่อยแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการใช้ก๊าซอันตรายจำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ในอากาศเพื่อสังเคราะห์แสง และทำการปล่อยก๊าซออกซิเจนกลับคืนมา อีกทั้งกลิ่นของต้นโหรพายังช่วยให้จิตใจสบ มีสมาธิ และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย ทั้งนี้ต้นโหรพาเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดมาก จึงควรหมั่นรดน้ำวันละ 1 ครั้ง และเหมาะที่จะปลูกบริเวณระเบียงหรือริมหน้าต่าง

อ้างอิงภาพจาก :pixabay.com

3.เบญจมาศ (Chrysanthemum)
เบญจมาศ นอกจากจะเป็นต้นไม้ที่มีดอกที่สวยงามแล้ว รู้หรือไม่ว่าเบญจมาศยังสามารถดูดสารพิษในอากาศจำพวก ฟอร์มัลดีไฮด์ ที่เป็นส่วนประกอบของน้ำยาเคลือบเฟอร์นิเจอร์ น้ำยาทาเล็บ เบนซีนที่อยู่ในสีย้อมผ้า และแอมโมเนียที่อยู่ในห้องน้ำ โดยต้นเบญจมาศต้องการแสงแดดรำไร และรดน้ำแค่วันละครั้ง ทั้งนี้ควรรดน้ำบริเวณรากเพื่อป้องกันใบเป็นเชื้อรา

อ้างอิงภาพจาก : sistacafe.com

4.พลูด่าง (Money Plant)
พลูด่าง อีกหนึ่งไม้ประดับที่ที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในบ้านและในออฟฟิศ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าพลูด่างมักได้รับความนิยมปลูกในห้องน้ำ ทั้งนี้เพราะว่าพลูด่างสามารถดูดสารพิษจำพวกแอมโมเนียที่อยู่ในห้องน้ำ และสารพิษจากเครื่องถ่ายเอกสารหรือเครื่องพิมพ์เขียวได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้พลูด่างยังมีความสามารถในการคายความชื้นออกมามาก ทำให้อากาศไม่แห้งจนเกินไป ส่วนวิธีการดูแลคือการพยายามเลี่ยงแสงแดด เพราะพลูด่างเจริญเติบโตได้ดีในที่แสงน้อย

อ้างอิงภาพจาก : twitter.com/hashtag/เขียวหมื่นปี

5.เขียวหมื่นปี (Chinese Evergreen)
เขียวหมื่นปีเป็นหนึ่งในไม้ประดับที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถที่จะอยู่ในที่ร่มได้นาน ทนต่ออากาศแห้ง และใบที่มีขนาดใหญ่มีพื้นที่ผิวในการดูดสารพิษมาก ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารพิษจำพวกฟอร์มัลดีไฮด์ที่อยู่ในกาวและสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์

อ้างอิงภาพจาก : www.ihome108.com

6.เฟิร์นดาบอสเตรเลีย (Australian Sword Fern หรือ Kimberly Queen Fern)
เฟิร์นดาบอสเตรเลีย เป็นเฟิร์นที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับสารพิษในอากาศประเภทฟอร์มัลดีไฮด์ ไซลีน และโทลูอีน ซึ่งสารพวกนี้ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียและเบื่ออาหาร อีกทั้งเฟิร์นดาบอสเตรเลียยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอาคารได้ดีอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี เฟิร์นประเภทนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนกับสภาพอากาศเช่นเดียวกับเฟิร์นชนิดอื่น ดังนั้นควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ และพยายามอย่าให้โดนแสงแดดโดยตรง

อ้างอิงภาพจาก : www.banidea.com

7.เดหลี (Peace Lily)
เดหลี นอกจากจะเป็นต้นไม้ประดับที่มีใบขนาดใหญ่แล้ว ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับสารพิษประเภทฟอร์มัลดีไฮด์ ไซลีน และโทลูอีน ที่เป็นส่วนประกอบของสีทาบ้าน กาว และยาเคลือบได้มาก อีกทั้งดอกของต้นเดหลียังส่งกลิ่นหอม ช่วยปรับอากาศในบ้านได้ ส่วนวิธีการดูแลก็ไม่ยากเลย ต้นเดหลีต้องการแสงแดดเพียงรำไรเท่านั้น สามารถปลูกไว้ในบ้านได้ และควรหมั่นรดน้ำให้หน้าดินอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

จะเห็นได้ว่า ต้นไม้แต่ละต้น นอกจากจะมีไว้ประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงาม ความร่มรื่นภายในบ้านแล้ว ยังเป็นตัวช่วยของของคุณในการฟอกอากาศ เพื่อดูดซับสารพิษที่อยู่ภายในบ้าน แต่อย่าลืมเลยว่า ต้นไม้แต่ละชนิดต้องการแสงแดดและน้ำที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรเอาใจใส่ดูแลต้นไม้ของคุณอยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซับสารพิษที่ดี

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.baanlaesuan.com

ร่วมแสดงความคิดเห็น