“บะข่างโว่” ของเล่นล้านนาที่กำลังจะสูญหายไป เด็ก ๆ รุ่นใหม่คงไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่ก่อนบะข่างโว่ ถือเป็นของเล่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ต้องมาเลิกเล่นไปเพราะเหตุการณ์ ๆ หนึ่ง พอนำกลับมาเล่นอีกครั้ง กลับไม่เป็นที่น่าจดจำเหมือนเคย เพราะมีของเล่นอย่างอื่นสร้างขึ้นมาทดแทน ด้วยเหตุที่กลัวว่าบะข่างโว่จะสูญหาย พ่อหลวงอานนท์ และลุงพันธ์ ชาวบ้านสันทรายต้นกอก จึงเริ่มนำบะข่างโว่ กลับเข้ามาในชุมชนอีกครั้ง
“บะข่างโว่” คืออะไร? ทำไมจึงใกล้สูญหายไปจากวิถีชีวิต วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะเล่าให้ฟัง
บะข่างโว่คืออะไร
“บะข่างโว่” คือของเล่นพื้นบ้านล้านนา ที่ทำมาจากไม้ไผ่ โดยมีลักษณะการเล่นคล้ายกับลูกข่าง แต่บะข่างโว่จะเกิดเสียงดังกว่า และมีขนาดใหญ่กว่า สันนิษฐานว่าบะข่างโว่ เกิดขึ้นมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
ทำไมถึงชื่อบะข่างโว
เหตุผลที่ต้องชื่อ “บะข่างโว่” เพราะมันมีเสียงดัง โว่ ๆ ซึ่งแต่ก่อนเสียงของบะข่างโว่จะดังมาก เพราะบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้เสียงดังไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่งได้ เมื่อหมู่บ้านตรงข้ามได้ยิน ก็จะพากันเล่นบะข่างโว่เป็นการส่งเสียงตอบโต้กัน “บะข่างโว่” จึงกลายเป็นของเล่น ที่เชื่อมความสัมพันธ์ไปโดยปริยาย
ประวัติของบะข่างโว่
“บะข่างโว่” หรือสำเนียงท้องถิ่นออกเสียงว่า “บะข่างโหว้” เป็นของเล่นพื้นบ้าน จากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ในอดีต ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุจะเล่นให้เด็กดู เพื่อให้เด็กเล่นบริเวณบ้าน หรือลานวัด ในช่วงที่ออกไปปลูกนานั่นเอง คนแต่ก่อนชอบเล่นบะข่างโว่บริเวณวัด ในช่วงวันสำคัญ ๆ เช่น ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่บะข่างโว่ถูกห้ามเล่น คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเสียงที่คล้ายกับเสียงเตือนภัย หรือเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิด ทำให้ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องหยุดเล่นไปชั่วระยะหนึ่ง พอพ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไป ชาวบ้านก็นำบะข่างโว่กลับมาเล่นใหม่ แต่ครั้นจะให้มันนิยมเหมือนเดิม ก็คงไม่ได้ เพราะสภาพสังคม และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ประกอบกับมีของเล่นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น จึงทำให้ความนิยมเล่นบะข่างโว่ลดลง และเริ่มสูญหายไป
จนกระทั่งปี 2538 ได้มีบุคคลนำบะข่างโว่ กลับเข้ามาใหม่ นั่นก็คือ นายอานนท์ ไชยรัตน์ หรือพ่อหลวงอานนท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านสันทรายต้นกอก และนายคัณโท อินทแกล้ว หรือลุงพันธ์ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ขี้เฝ่าและกรรมการหมู่บ้านสันทรายต้นกอก ซึ่งทั้งสองคนเป็นแกนนำสำคัญ ที่นำบะข่างโว่มาจัดกิจกรรมแข่งขันขึ้น โดยจัดขึ้นครั้งแรกในงานสรงน้ำพระธาตุ ณ วัดสันทรายต้นกอก ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา และนับตั้งแต่นั้นมา การแข่งขันบะข่างโว่ ก็กลายเป็นกิจกรรมแข่งขัน ที่จัดขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน
ส่วนประกอบของบะข่างโว
- เดือย การาทำเดือย ต้องใช้ไม้เนื้อแข็ง ความยาวประมาณ 2.5 – 3 เท่าของตัวบะข่างโว่ นำมาเหลาจนได้ปลายแหลม โดยเดือยต้องสอดคล้อง กับขนาดของบะข่างโว่
- ฝาปิดด้านบน ใช้ไม้แผ่นบาง ความหนาประมาณ 2 – 3 มิลลิเมตร ขนาดพอดีกับกระบอกไม้ไผ่ ปัจจุบันสามารถใช้ไม้อัดแทนได้
- ฝาปิดด้านล่าง ฝาปิดด้านล่าง และฝาปิดด้านบนต้องมีขนาดเท่ากัน
- ตัวบะข่างโว ใช้ไม้ไผ่ทรงกลม ความหนาประมาณ 3 – 4 มิลลิเมตร ความยาวตามความต้องการ แต่ปกติจะใช้ความยาวอย่างน้อย 2.5 นิ้ว ซึ่งความหนา และความยาวมีผลต่อการเกิดเสียง ทั้งยังส่งผลต่อน้ำหนัก และแรงที่ใช้ในการหมุนเหวี่ยงด้วย
- ลิ้น การทำลิ้น ควรทำช่องให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวประมาณ 3 – 4 เซนติเมตร มีความกว้างประมาณ 3 – 5 มิลลิเมตร และใช้มีดคว้านขอบด้านหนึ่งทแยง 45 องศา ลาดเอียงเข้าหาด้านในตัวบะข่างโว่
- ช่องรับลม ช่องรับลมกว้างหรือแคบ จะส่งผลต่อเสียงของบะข่างโว่ด้วย
- ไม้ดันเชือก หรือไม้ชัก ใช้ไม้แผ่นบาง ขนาดพอดีมือ ความยาวประมาณ 6 – 7 นิ้ว กว้างไม่เกิน 1 นิ้ว ใช้สำหรับการร้อยเชือก เพื่อชักบะข่างโว่
- เชือก ต้องมีขนาด 2 – 3 มิลลิเมตร ความยาว 1 เมตร หรือประมาณ 1 ช่วงไหล่ ไม่ควรใช้เชือกไนลอน หรือเชือกสังเคราะห์
วิธีการเล่นบะข่างโว
- เริ่มแรกคือ พันเชือกจากด้านล่างเดือยขึ้นด้านบน ใช้นิ้วมือข้างหนึ่งกดปลายเชือกไว้ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งหมุนเชือกพันเดือย
- เมื่อเชือกใกล้เต็มเดือยให้รูดเชือกลงมา เรียงเชือกให้เป็นระเบียบ เหลือปลายเชือกไว้ไม่น้อยกว่า 1 คืบ เพื่อใช้ชัก
- หลังจากนั้น นำเชือกมาร้อยผ่านรูไม้ดันเชือก โดยร้อยเชือกผ่านรูเข้าหาตัวคนเล่น
- ใช้มือข้างหนึ่ง จับไม้ดันเชือกไว้ พร้อมกับใช้นิ้วชี้ประครอง ให้บะข่างโว่ตั้งตรง มืออีกข้างหนึ่งม้วนปลายเชือก แล้วล็อคเข้ากับนิ้วมือ
- ควรตั้งบะข่างโว่บนพื้น หรือให้สูงจากพื้นเล็กน้อย ไม่ควรยกบะข่างโว่สูงจากพื้นเกิน 1 คืบ ดึงเชือกผ่านรูของไม้ดันเชือก ออกไปอย่างรวดเร็ว
ทำไมบะข่างโว่จึงเกิดเสียง
เสียงดังของบะข่างโว่ เกิดจากการที่อากาศอัดผ่านช่องรับลม เข้าไปในตัวบะข่างโว่ที่กำลังหมุน การเจาะ และคว้านช่องลม รวมทั้งความเร็วในการหมุน จะทำให้เกิดเสียง โว่ ๆ ขึ้น ทั้งนี้บะข่างโว่ อาจส่งเสียงออกมาทันที หรือส่งเสียงดัง หลังจากหมุนไปแล้วระยะหนึ่งก็ได้ แต่กรณีที่บะข่างโว่แตก ร้าว หรือมีรูรั่ว จะทำให้บะข่างโว่หมุนโดยไม่เกิดเสียง
คุณค่า และประโยชน์ของบะข่างโว
- ช่วยบริหารสมอง ฝึกการใช้ความคิด เพราะต้องค้นหาเทคนิค และวีธีกราที่จะทำให้บะข่างโว่หมุนได้นิ่ง นาน และเกิดเสียงดัง
- ช่วยบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะต้องร้อยเชือก ออกแรงดึงเชือก และเดินไปเก็บบะข่างโว่
- ช่วยให้เกิดความสนุกสนาน และความเพลินเพลิด ฝึกให้มีน้ำใจนักกีฬา
- ช่วยให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของเด็กไทยในอดีต และเกิดความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
- ช่วยฝึกความอดทน ความมุ่งมั่นตั้งใจ เพราะขั้นตอนในการทำบะข่างโว่ใช้เวลา และเป็นงานฝีมือ
- สามารถนำภูมิปัญญาเกี่ยวกับการทำและการเล่นบะข่างโว่ ไปบูรณาการกับการเรียนการสอนได้ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ ในหัสข้อเกี่ยวกับแรงหมุน ที่มาของของเสียง และการเกิดเสียงได้
สรุป
หากใครสนใจ หรืออยากทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การทำบะข่างโว่ การแข่งขันบะข่างโว่มากขึ้น สามารถติดต่อได้ที่ “ศูนย์เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนาสลีปิงจัยแก้วกว้าง” ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านสันทรายต้นกอก ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หรือโทร. 0-5324-1209 , 08-9433-7395 ซึ่งจะมีการแข่งขันบะข่างโว่ทุกปี ในงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ วันวิสาขบูชา ณ วัดสันทรายต้นกอก
“ของกิ๋น ถ้าบ่กิ๋น ก็จักเน่าบูด ของเก่า ถ้าบ่เล่า มันก็ลืม เหมือนกับ บะข่างโว่ ของเล่นพื้นบ้านล้านนาที่มีอายุนานกว่า 100 ปี” พ่ออุดม รังสี ผู้ที่ได้รับรางวัลเพชรราชภัฏ-เพชรล้านนา ประจำปี พ.ศ.2553
เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
อ้างอิงข้อมูขจาก
หนังสือบะข่างโว่ ของเล่นล้านนา…ของเล่นภูมิปัญญา
ร่วมแสดงความคิดเห็น