ถ้าพูดถึง ความอ้วน คงเป็นคำที่น่ากังวลใจสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะปัจจุบันนี้ ผู้คนหันมาดูแลรูปร่างกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนแต่ต้องการมีรูปร่างที่ดีกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นในสังคมปัจจุบัน ใครที่อ้วนเกินไปก็มักจะถูกล้อ ถูกแซว จนทำให้ต้องเก็บไปคิดมาก ด้วยเหตุผลนี้ ความอ้วน จึงเป็นคำต้องห้ามสำหรับใครหลายคนที่อาจกลัวอ้วนจนเกินไป ทำให้มีพฤติกรรมเข้าข่าย “โรคคลั่งผอม” หรือ (Anorexia Nervosa) ที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้
วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะพาทุกคนมารู้จักกับ “โรคคลั่งผอม” ว่าคืออะไร อาการของโรคเป็นอย่างไร และโรคนี้อันตรายมากขนาดไหน ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ
โรคคลั่งผอม คืออะไร?
โรคคลั่งผอม หรือโรคอะนอเร็กเซีย ภาวะกลัวอ้วนมากเกินไป เป็นความผิดปกติทางจิตใจชนิดหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะหมกมุ่นอยู่กับรูปร่างของตัวเอง ต้องการให้ตัวเองผอมลงเรื่อย ๆ กลัวอย่างรุนแรงว่าตัวองเองจะอ้วน ทำให้เกิดอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน โดยผู้ป่วยโรคคลั่งผอมจะมีพฤติกรรมกินอาหารน้อย หรือไม่ยอมกินอาหาร พยายามลดน้ำหนักอย่างหนักด้วยวิธีการต่าง ๆ เพราะกลัวว่าตัวเองจะอ้วน หรือคิดว่าร่างกายยังผอมไม่พอ แม้จะอดอาหารจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ก็ยังคงคิดว่าตัวเองอ้วนอยู่ ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้อาจป่วยเป็นโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ร่วมด้วย และประสบภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับสุขภาพกายหลายอย่างอันนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคคลั่งผอมจนเสียชีวิตในต่างประเทศ
อีเลียนน่า รามอส และลุยเซล รามอส สองพี่น้องนางแบบชาวอุรุกวัย เป็นผู้ที่ป่วยเป็นโรคคลั่งผอมจนถึงขั้นเสียชีวิตทั้งคู่ หลังจาก ลุยเซล รามอส พี่สาววัย 22 ปี เสียชีวิตกะทันหัน ขณะเดินแฟชั่นโชว์ที่ Montevideo หลังจากนั้น 6 เดือน อีเลียนน่า รามอส น้องสาววัย 18 ปี ก็ได้เสียชีวิตตามพี่สาวไป ด้วยโรคคลั่งผอมเช่นเดียวกัน
โรคคลั่งผอม เกิดจากอะไร?
ถึงแม้ว่าสาเหตุของโรคคลั่งผอมนั้นอาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่ทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยโรคคลั่งผอม มักจะเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ มีภาวะย้ำคิดย้ำทำ และมีทัศนคติผิด ๆ เกี่ยวกับรูปร่าง โดยอาจมีบุคคลตัวอย่างเป็นคนผอม หุ่นดี ทำให้รู้สึกอยากผอม มีรูปร่างที่ดีตาม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยโรคคลั่งผอมบางราย มีภาวะกดดันจากสังคม กดดันจากการถูกล้อเลียน และต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม จึงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองอ้วน
อาการของโรคคลั่งผอม
ผู้ป่วยโรคนี้มักแสดงสัญญาณ หรืออาการทางสุขภาพกาย ที่เกี่ยวกับลักษณะของคนที่อดอาหาร อย่างไรก็ตาม อาการป่วยของโรคนี้ยังเกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ พฤติกรรม และความรู้สึก โดยอาการของโรคคลั่งผอม แบ่งออกเป็นอาการของสุขภาพกาย และอาการทางด้านอารมณ์ และพฤติกรรม ได้ดังนี้
อาการของสุขภาพกาย
- อดอาหาร ไม่ยอมกินอาหารเพราะกลัวอ้วน
- มีพฤติกรรมชอบวัดสัดส่วน หรือชั่งน้ำหนักบ่อย ๆ
- มีอาการเบลอ หลงลืมง่าย
- น้ำหนักลดลงเป็นอย่างมาก
- อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง เป็นลมบ่อย
- ประจำเดือนขาดเนื่องจากฮอร์โมนแปรปรวน
- มีภาวะซีด จากการขาดสารอาหาร
- ผิวแห้งแตก ผมหยาบกระด้าง ผมร่วง
- เครียด ย้ำคิดย้ำทำว่าตัวเองยังอ้วนอยู่ตลอด นอนไม่หลับ
- บางรายมีพฤติกรรมออกกำลังกายอย่างหนัก ถึงวันละ 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน
อาการทางด้านอารมณ์
- คิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอยู่เสมอ
- กังวล และกลัวว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่ม หรืออ้วนขึ้น ทั้งที่น้ำหนักตัวน้อยเกินไป
- หมกมุ่นอยู่กับการมีรูปร่างที่ดี รวมทั้งไม่ยอมรับว่าน้ำหนักตัวต่ำ จนอยู่ในเกณฑ์อันตราย
- ไร้อารมณ์ หรือไร้ความรู้สึกกับสิ่งรอบตัว รวมทั้งแยกตัวออกจากสังคม
- หงุดหงิด และฉุนเฉียวง่าย หรือรู้สึกซึมเศร้า
- ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศลดลง
- คิดฆ่าตัวตาย
โรคคลั่งผอม อันตรายแค่ไหน?
โรคคลั่งผอม ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายซูบผอม แต่ผู้ป่วยมีอาการปฏิเสธอาหาร กินเข้าไปแล้วรู้สึกผิด จึงพยายามทำทุกวิธีเพื่อให้อาหารที่กินเข้าไปออกมาจากร่างกายโดยเร็วที่สุด ซึ่งบางครั้งร่างกายยังไม่ได้ย่อยอาหารเหล่านั้น และไม่ได้ดูดซึมสารอาหารที่ได้รับไปใช้เป็นพลังงาน และภาวะที่ร่างกายขาดสารอาหารจะนำโรคต่าง ๆ มาให้มากมาย เช่น เสี่ยงต่อภาวะโลหิตจาง กระดูกพรุน ยิ่งหากผอมมาก ๆ ชั้นไขมันแทบไม่มี อาจเสี่ยงต่อภาวะกระดูกทิ่มแทงอวัยวะข้างในร่างกายได้ เพราะชั้นไขมันในร่างกายหนาไม่พอ นอกจากนี้เมื่อขาดสารอาหาร ร่างกายจะเกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล อาจส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกห่อเหี่ยว คิดหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องรูปร่าง มีพฤติกรรมแยกตัว เสี่ยงทำร้ายตัวเอง ใช้ยาเสพติด หรือเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอีกด้วย
โรคคลั่งผอม รักษาได้ไหม?
การรักษาโรคคลั่งผอม สามารถรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนความคิด และทัศนคติเรื่องรูปร่างเสียใหม่ แต่ว่าผู้ป่วยโรคคลั่งผอมส่วนใหญ่ จะไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย ทำให้ขาดโอกาสในการรักษา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สุขภาพร่างกายย่ำแย่มาก ๆ แล้ว ดังนั้นการรักษาผู้ป่วยโรคคลั่งผอม จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับผู้ป่วยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ควรพูดคุยกับผู้ป่วยด้วยเหตุผล พยายามโน้มน้าวให้กลับมาดูแลตัวเอง หรือหากลองพูดคุยแล้วอาการของผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น ก็ควรพาไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี
สรุป
อย่างไรก็ตาม หากต้องการรักษารูปร่าง หรือลดน้ำหนัก ควรดูก่อนว่าโดยเฉลี่ยแล้ว เราเป็นคนรูปร่างระดับไหน การลดน้ำหนักเพื่อให้เข้ากับลักษณะสังคม โดยมีความพอดี และเหมาะสม ก็คงพอยอมรับได้ แต่หากลดแล้วกลายเป็นว่าหมกมุ่น ใช้เวลากับมันค่อนข้างมาก เสียการงาน เสียการเรียน เสียเพื่อนฝูง เสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แล้วน้ำหนักที่ลดลงไปเร็วมากกว่าปกติ จนสภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงไป อันนี้ถือว่าเป็นอันตรายมาก ควรหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นทันที เพื่อป้องกัน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคคลั่งผอมนั่นเองค่ะ
เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
อ้างอิงข้อมูลจาก : health.kapook.com, pobpad.com, gedgoodlife.com, women.mthai.com
ภาพจาก : freepik.com, women.mthai.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
โรคซึมเศร้าคืออะไร? ทำไมใครๆก็เป็น
อารมณ์ขึ้นๆลงๆ นี่เรากำลังเป็นโรคไบโพลาร์รึเปล่า?
ร่วมแสดงความคิดเห็น