“8 สุดยอดน้ำพริก” ที่มาเชียงใหม่ต้องชิม!

หากพูดถึงน้ำพริก สิ่งแรกที่นึกถึงก็คงเป็นในเรื่องของรสชาติ ที่มีความเผ็ด และความอร่อย แต่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็มีเมนูน้ำพริกที่หลากหลาย และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” มีสุดยอดน้ำพริก ที่มาเชียงใหม่แล้วไม่ลองชิม ถือว่าพลาด

8 สุดยอดน้ำพริกของจังหวัดเชียงใหม่

1.น้ำพริกหนุ่ม

พริกหนุ่ม คือพริกที่ยังไม่แก่จัด มีสีเขียว และมีรสเผ็ด น้ำพริกหนุ่ม เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น เป็นอาหารของชาวล้านนาที่รู้จักกัน และนิยมกันอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่นิยมรับประทานคู่กับแคบหมู
น้ำพริกหนุ่มอุดมไปด้วย สารแคปไชชิน เป็นตัวช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง จึงช่วยในการบำบัดโรคเบาหวานได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ได้อีกด้วย
วิธีทำ
นำพริกหนุ่มมาเผ่า หรือคั่วจนนุ่ม ลอกเปลือกที่ไม้ออก หั่นเป็นท่อนพักไว้ จากนั้นนำหอมแดงกับกระเทียมตำให้ละเอียด ใส่พริกหนุ่มตำให้แหลกเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ จากนั้นตักขึ้นเสิร์ฟ เตรียมรับประทานได้แล้วค่ะ

2.น้ำพริกถั่วเน่าเมอะ

ถั่วเน่าเมอะ เป็นอาหารพื้นบ้านชนิดหนึ่งของคนล้านนา ที่ทำมาจากถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมัก ได้รับอิทธิพลมาจากชาวไทยใหญ่ ใกล้เคียงกับ “นัตโต๊ะ” อาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่น ถั่วเน่าเมอะ มีวิธีทำที่แตกต่างกันออกไป ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละหมู่บ้าน ได้แก่ การย่าง นึ่ง และตากแห้ง เช่นเดียวกับชาวบ้านแม่ปาน ต. ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่มีการทำถั่วเน่าเมอะ ไว้รับประทานเอง และจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริม
น้ำพริกถั่วเน่าเมอะอุดมไปด้วย โปรตีนที่ได้จากถั่วสูง ได้ถูกจุลินทรีย์ย่อยแล้วชั้นหนึ่ง จึงย่อยกว่าโปรตีนของถั่วเหลืองโดยทั่วไป
วิธีทำ
เตรียมพริกขี้หนูคั่วป่น หอม กระเทียม กะปิ มะเขือเทศเผา และถั่วเน่า 3 แผ่น ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้น ๆ คั่วให้สุกกรอบเสร็จแล้วเอาไปป่นละเอียดพักไว้ นำพริก หอม กระเทียม กะปิ ลงไปตำให้ละเอียด ตามด้วยกุ้งแห้งป่น หรือปลาป่น ปิดท้ายด้วยถั่วเน่าป่น และมะเขือเทศ เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

3.น้ำพริกน้ำปู

น้ำพริกน้ำปู หรือที่คนเหนือเรียกว่า น้ำพิกน้ำปู๋ เป็นอาหารที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านในภาคเหนือ ซึ่งในการทำน้ำปูนั้น ต้องอาศัยความอดทน และความเพียรพยายามของผู้ที่ทำอย่างสูง ตั้งแต่ไปจับปูนาในช่วงฤดูฝน แล้วมาตำทั้งกระดองกับสมุนไพร เคี่ยวจนเข้มข้น
น้ำพริกน้ำปูอุดมไปด้วย วิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นทำให้เจริญอาหาร และช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
วิธีทำ
โขลกเกลือ ตะไคร้ กระเทียม และหอมแดง รวมกันให้ละเอียด โขลกพริกขี้หนู ใส่รวมกันกับน้ำปู ลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน จัดใส่ภาชนะทานคู่กับผักสด เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

4.น้ำพริกน้ำหน่อ

น้ำพริกน้ำหน่อ เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น ถึงขลุกขลิก ซึ่งมีส่วนผสมหลัก คือหน่อไม้ดิบที่ขูดอ่อน ๆ ดองประมาณ 2 วัน และนำมาเคี่ยวให้งวด ชนิดของพริกที่นิยมใช้ คือพริกดิบ หรือพริกหนุ่มนั้นเอง
น้ำพริกน้ำหน่อไม้อุดมไปด้วย คุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และที่สำคัญมีกรดอะมิโนที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ และยังมีกากใยอาหารที่ช่วยให้ร่างกายนำกาก และสารพิษออกสู่ภายนอกได้เร็ว และยังช่วยต่อต้านมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย
วิธีทำ
นำหน่อไม้ไปต้มให้สุก แล้วนำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย เอาเนื้อหมูไปรวนให้สุก จากนั้น นำพริกหนุ่ม และพริกชี้ฟ้ามาย่าง แล้วลอกเปลือกออก ตำพริก กระเทียม และเกลือป่น ให้ละเอียดเข้ากัน นำพริกกระเทียมที่ตำแล้วมาผสมกับหมูสับ และหน่อไม้ดอง ปรุงรสด้วยน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย แล้วนำน้ำพริกลงไปผัดให้หอม ตักใส่ถ้วย ทานคู่กับผักสด เป็นอันพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

5.น้ำพริกข่า

น้ำพริกข่า เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะค่อนข้างแห้ง ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกขี้หนูแห้ง หรือใช้พริกเม็ดใหญ่แห้ง ชาวล้านนานิยมรับประทานคู่กับเนื้อสัตว์ตากแห้ง ข้าวเหนียว และผักสด
น้ำพริกข่าอุดมไปด้วยสรรพคุณหลายอย่าง ทั้งช่วยย่อย ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่นท้อง ช่วยแก้ไอ แก้หวัด ลดน้ำมูก แก้หอบหืด อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวด ไม่ว่าจะแก้ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ หรือปวดฟัน
วิธีทำ
โขลกเกลือ กระเทียม และข่า รวมกันให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูแห้ง ย่างไฟ ลงโขลกรวมกันจนละเอียด ทานคู่กับเนื้อแห้ง ข้าวเหนียว หรือจะเป็นผักสด ก็อร่อยได้เหมือนกัน ค่ะ

6.น้ำพริกอ่อง

น้ำพริกอ่อง เป็นน้ำพริกพื้นบ้านล้านนา ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่อง คือมีสีส้มของสีมะเขือเทศ และพริกแห้ง ที่เคี่ยวจนเป็นน้ำขลุกขลิก มีน้ำมันลอยหน้าเล็กน้อย มีสามรสชาติคือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย และรสหวานตาม นิยมรับประทานกับผักสด หรือผักต้ม
น้ำพริกอ่องอุดมไปด้วย วิตามินซีที่ได้จากมะเขือเทศ และสารไลโคปินส์ ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยในต่างประเทศชัดเจนแล้วว่า สามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายได้
วิธีทำ
โขลกพริกเครื่องปรุงพริกแกง คือ พริก หอมแดง กระเทียม รวมกันให้ละเอียด แล้วจึงใส่กะปิ และเกลือโขลกให้เข้ากัน นำไปผัดเครื่องกับน้ำมันจนมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูบด ลงผัดให้สุก เติมน้ำตามเล็กน้อย พอเริ่มเดือด ให้นำมะเขือเทศ ลงผัดให้เข้ากัน ตั้งไฟต่อจนมะเขือเทศสุก ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟค่ะ

7.น้ำพริกแมงดา

น้ำพริกแมงดา เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะค่อนข้างแห้งถึงข้น ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกดิบ จะเป็นพริกชี้ฟ้า หรือพริกดิบพันธุ์ใดก็ได้ และในส่วนของแมงดา ที่นำมาทำน้ำพริกนั้น นิยมใช้เป็นแมงดานา จะมีกลิ่นฉุนที่เป็นเอกลักษณ์ นิยมนำมาแต่งกลิ่นอาหารให้หอม เพื่อให้มีรสชาติยิ่งขึ้น
น้ำพริกแมงดาอุดมไปด้วย โปรตีน ไขมันคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส นำมาตำกับกะปิ และเครื่องปรุง ทำให้ได้รับโปรตีน และแคลเซียมเพิ่มขึ้น และเมื่อรับประทานพร้อมกับสะตอ และผักสด จะทำให้ร่างกายรับวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารเข้าไปอีกด้วย
วิธีทำ
โขลกพริกขี้หนูสวนกับหอมแดง และกระเทียมพอแหลก ตามด้วยเกลือป่น เติมแมงดานา กะปิ โขลกต่อพอเข้ากัน ให้ส่วนผสมร่วน ๆ เสิร์ฟพร้อมผักสด (อาจปรุงด้วยน้ำตาลปิ๊ปเล็กน้อย หรือน้ำมะนาวให้มีรสเปรี้ยวหวานตามชอบ)

8.น้ำพริกปลา

น้ำพริกปลา หรือที่คนเหนือเรียกว่า น้ำพิกป๋า เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้นถึงขลุกขลิก โดยการเอาน้ำต้มปลาใส่ลงไป มากน้อยแล้วแต่ชอบ บางสูตรใช้ปลาช่อนย่างไฟเพื่อให้น้ำพริกมีลักษณะที่ข้น นิยมรับประทานคู่กับ ยอดผักแว่น ยอดกระถิน และมะเขือเปราะ
น้ำพริกปลาอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีส่วนช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังมีโปรตีนที่ได้จากเนื้อปลา แถมยังแคลอรี่ต่ำอีกด้วย
วิธีทำ
แกะเนื้อปลาช่อนย่าง อกกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นให้นำเนื้อปลาย่างไปทอดให้กรอบ นำกระเทียม พริกชี้ฟ้า และหอมที่คั่วไว้แล้ว มาโขลกเข้าด้วยกัน ใส่น้ำมะขามเปียก และเกลือลงไป ผสมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ตามด้วยเนื้อปลาช่อน ไปโขลกกับน้ำพริกจนละเอียด ให้เข้าเป็นเนื้อเดียว ตักใส่ชามเสิร์ฟพร้อมคู่กับผักสด ๆ

สรุป
เมนูน้ำพริกที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อเพิ่มความอร่อย ควรทานคู่กับผักสด และข้าวเหนียวร้อน ๆ เพื่ออรรถรสในการกินมากยิ่งขึ้นนะคะ

เรียบเรียงโดย: “เชียงใหม่นิวส์”

อ้างอิงข้อมูลจาก: library.cmu.ac.th

บทความที่เกี่ยวข้อง:
วุ้นเส้น เห็นใส ๆ แต่ร้ายไม่เบา

หางกุ้งประโยชน์เพียบ ที่ไม่ควรเด็ดทิ้ง

ก๋วยเตี๋ยวเมนูเด็ด ที่มาพร้อมกับอันตราย

กินแล้วไม่อ้วน 10 เมนู อาหารคลีนแคลอรี่ต่ำ

ร่วมแสดงความคิดเห็น