“วัดท่าตอน” อ.แม่อาย วัดที่ตั้งอยู่บนภูเขามังกร ทอดตัวอยู่บนที่ราบริมน้ำกก

“อำเภอแม่อาย” เป็นอีกหนึ่งอำเภอที่น่าสนใจไม่น้อยของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเมืองโบราณ ที่มีชื่อว่า “เวียงมะลิกา” ที่มีคูเมืองและซากอิฐกำแพงดินเป็นที่สังเกตได้ โดยประชาชนถือว่าเป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเวียงมะลิกานั้น เขียนว่า เจ้าแม่มะลิกา เป็นราชบุตรี ในพระเจ้าฝางและพระนางสามผิว ซึ่งพระนางสามผิว มีพระพุทธปฏิมาแก่นจันทร์เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ ทรงสักการะบูชาทุกค่ำเช้า วันหนึ่งมีขุ่นเคืองพระทัยด้วยเรื่อง พระสนมเอกของพระเจ้าฝาง เมื่อถึงเวลาถวายเทียนสักการะบูชาพระพุทธปฏิมาแต่พระองค์ยังมิอาจดับพระทัยที่ขุ่นเคืองได้ ขณะที่จุดเทียนถวายสักการะ บูชาพระพุทธปฏิมาแก่นจันทร์ และทรงละเลยไว้ด้วยความประมาท เทียนที่จุดไว้ล้มลงเผาไหมพระโอษฐ์พระพุทธปฏิมา รุ่งขึ้นเวลาเช้าเมื่อพระนางเจ้าเสด็จออกจากที่บรรทมทรงทราบว่าเทียนล้มลงเผาไหม้พระโอษฐ์พระพุทธปฏิมาแก่นจันทร์ก็ทรงสำนึกความบาปที่กระทำด้วยความประมาท ครั้นกาลต่อมา พระครรภ์ครบกำหนดทศมาส ประสูติพระราชธิดาผู้ทรงโฉมศิริโสภา พระฉวีวรรณผุดผ่องแม้นเหมือนพระมารดา แต่ก็มีตำหนิที่ควรสมเพชที่พระธิดา มีริมพระโอษฐ์ล่างแหว่งไป

เมื่อราชบุตรีทรงวุฒิจำเริญขึ้น พระเจ้าฝางทรงเกรงเป็นที่ละอายแก่ไพร่ฟ้าพลเมืองจึงทรงสร้างสวนหลวงขึ้นทางทิศเหนือเวียงสุโท (ใกล้กับเมืองฝาง) และสร้างคุ้มหลวง ประกอบด้วย คู และปราการล้อมรอบประทานราชบุตรี ให้เป็นที่ประทับสำราญ สวนหลวงแห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวียงมะลิกา” และเชื่อกันว่า เวียงมะลิกาไม่มีบุรุษเพศเลย ผู้คนล้วนแต่สตรีเพศ พระแม่เจ้าทรงฝึกฝนสตรีผู้กำยำเป็นทหารของเวียงมะลิกา

กาลต่อมามีราชบุตรของเจ้าผู้ครองเวียงภูก่ำ ได้สดับข่าวเกี่ยวกับพระเจ้าแม่มะลิกา แรงแห่งบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นในราชบุตร พระราชบุตรได้ทรงอ้อนวอนพระเจ้าภูก่ำ ขอเสด็จไปเวียงมะลิกาเยี่ยงสามัญชนคนค้าขาย พระเจ้าภูก่ำทรงอนุยาต แล้วดำรัสสั่งอำมาตย์คนสนิท ให้ตระเตรียมม้าต่างอัญมณีเป็นสินค้าโดยเสด็จพระราชบุตร ข่าวการเสด็จฯ ของพระราชบุตรทราบถึงเจ้าแม่มะลิกา พระองค์ก็เกิดอางขนางในวันที่พระราชบุตรกำหนดเข้าเฝ้าถวาย อัญมณีแม่เจ้าก็เสด็จหลีกลี้ไปสรงสนานน้ำห้วย และแต่งให้พระพี่เลี้ยงนางเหลี่ยวอยู่เวียงมะลิการับเสด็จพระราชบุตร เมื่อพระราชบุตรในรูปของพ่อค้านายวาณิชเข้าเฝ้า พระพี่เลี้ยงก็กล่าวว่าแม่เจ้าไม่ทรงปรารถนาพบเห็นชายใด และไม่ต้องประสงค์ในการได้ยินเรื่องเช่นนี้ พ่อค้าจำแลงก็ลากลับเวียงภูก่ำด้วยความโทมนัส ขณะที่พระนางมะลิกาสรงสนานอยู่ น้ำในลำห้วยก็กลายเป็นสีเลือดด้วยละอายพระทัย คนทั้งหลายจึงเรียกน้ำห้วยนั้นว่า “แม่อาย” จึงได้ชื่อตำบลนี้ว่า “แม่อาย”

สำหรับ แม่อาย นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยวันนี้ #เชียงใหม่นิวส์ จะขอพาท่านเข้าเที่ยวชม “วัดท่าตอน” ซึ่งวัดท่าตอนเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่บนยอดเขาต่อเนื่องหลายลูก ที่ทอดตัวอยู่บนที่ราบริมน้ำกก จนซินแสบางท่านยกย่องว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บน “ภูเขามังกร” เนื่องด้วย วัดท่าตอนนั้น มีพื้นที่ทอดยาวไปตามไหล่เขาเป็นชั้น ๆ ถึง 9 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นจะมีศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ทุกยอดเขา โดยที่โดดเด่น และที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวชมกัน อยู่ที่ชั้น 8 และชั้น 9

บนยอดเขาชั้น 8 เป็นที่ตั้งของ “พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์ สมานฉันท์ หรือพระเจดีย์แก้ว” โดยเป็นเจดีย์ที่มีความสวยงาม สามารถมองเห็นได้แต่ไกล บนยอดเจดีย์เป็นทรงกลม ประดับด้วยแก้ว 3 ประการ อันมีความหมายดังนี้ 1. แก้วสี หมายถึง จิตของคนทั่วไปที่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง 2. แก้วสะท้อนเงา หมายถึง สภาพจิตของผู้ปฏิบัติธรรม ขัดเกลาอารมณ์ได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีเรื่องยึดเหนี่ยวทางโลก และ 3. แก้วใส หมายถึง สภาพจิตใจที่ บริสุทธิ์ ดวงจิตสามารถขจัดอารมณ์ที่ยึดติดต่าง ๆ ได้แล้ว ถือว่าเป็นผู้หลุดพ้น

ส่วนบนยอดเขาชั้นที่ 9 เป็นที่ประดิษฐานของ “พระอิ่มตลอดกาล” พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ ที่ ณ จุดนี้ท่านจะสามารถชมวิวทิวทัศน์ของท่าตอน ที่มีน้ำกกไหลคดเคี้ยวผ่านได้อย่างสวยงาม ทั้งยังสามารถมองเห็นพระเจดีย์แก้วได้อีกด้วย แล้วงานนี้หากมาเที่ยวแม่อาย อย่าพลาดแวะเที่ยวชม และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “วัดท่าตอน” กัน และหากจะให้ครบรสการเที่ยวแม่อายให้มากกว่านี้ ลงเรือร่องน้ำกกเที่ยวชมบรรยากาศสองฝากฝั่งของท่าตอนด้วยก็จะเป็นการดี…!!!

ร่วมแสดงความคิดเห็น