ไข่มุกใต้พิภพ!! หรือ”ไข่แมงมัน” เมนูเด็ดราคาแพง สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นกอบเป็นกำ

ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลการตามล่าหา “ไข่แมงมัน” กันของชาวเหนือล้านนา ซึ่งการออกค้นหารังของแมงมันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ คนที่ออกหานั้นจะต้องมีความสามารถพิเศษ นอกจากจะมีความอดทนที่จะต้องขุดดินลึกลงไปหลายเมตร “สายตาดี” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะสามารถมองเห็นแม่แมงมัน ตัวเล็กมากขนาดเท่าปลายเข็ม มีสีแดงปนส้ม กลมกลืนกับสีดินด้านล่าง และจมูกก็ยังต้องดีอีกด้วยที่สามารถรับกลิ่นของแมงมันได้ ว่าอาศัยอยู่ใต้พื้นดินบริเวณนี้หรือเปล่า เมื่อเจอโพรงรังไข่ของแมงมันแล้วใช้ทับพีตักขึ้นมาซึ่งไข่จะผสมกับดินละเอียด แล้วนำไปกรองกับผ้าขาว เช่น มุ้ง เป็นต้น เศษดินเหล่านั้นก็จะรอดจากผ้ากรอง คงเหลือแต่ไข่แมงมันทั้งไข่เล็กๆและไข่ใหญ่มีสีขาวนวลราวกับไข่มุก จึงได้มีการขนานนามไข่แมงมันเป็น “ไข่มุกใต้พิภพ” กัน

สำหรับไข่แมงมัน หรือไข่มุกใต้พิภพ เป็นอาหารตามธรรมชาติหนึ่งปีมีครั้งเดียว สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แมงมันจ่อม, ห่อหมกแมงมัน, แกงใส่ยอดผักหวาน, คั่วใส่ไข่ เป็นต้น เมื่อเป็นของหายากก็ต้องมีราคาแพง หากขายเป็นกิโลกรัมจะตกอยู่ราวกิโลกรัมละ 2,000 บาท ขึ้นไปหากขายปลีก 1 ซ้อนโต๊ะหรือถ้วยเล็ก ราคา 25-30 บาท ส่วนแต่ละโพรงของรังแม่มันจะได้ไข่มากหรือไข่น้อยก็ขึ้นอยู่กับรังของมัน

หากโพรงรังไข่แมงมันรอดหูรอดตาไป นับตั้งแต่ต่อจากนี้ไปถึงช่วงเริ่มต้นฤดูฝนราวเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ไข่แมงมันก็จะออกเรียกว่าแมงมัน จะโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เพื่อผสมพันธุ์กันมีอยู่ 2 ชนิด คือตัวผู้ มีตัวเล็กสีน้ำตาลเข้ม แต่ไม่นิยมบริโภคกัน และตัวเมียตัวจะใหญ่ขนาดสองเท่าของตัวผู้ มีสีแดงเข้ม เป็นที่นิยมบริโภคกัน ราคากิโลกรัมละ 2,000 บาทขึ้นไป

ซึ่งมีชาวบ้านหลาย ๆ รายที่รักษาแมงมันที่อาศัยอยู่ใต้ดินในสวนของตน คือมีไว้กินแบบอนุรักษ์ไม่มีการขุดเอาไข่แมงมันขึ้นมา คอยจับแต่แมงมันในช่วงออกผสมพันธุ์เท่านั้น และสามารถมีแมงมันไว้กินทุกปี หากมีการขุดเอาไข่เช่นทุกวันนี้จะทำให้แมงมันสูญพันธุ์ไปได้เช่นกัน

    ภาพ:ปราณี หวลจิต

ร่วมแสดงความคิดเห็น