“เซ็กส์” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผิดถ้าไม่ป้องกัน

การมีเพศสัมพันธ์ในสังคมไทยยังถูกมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย ไม่ควรที่จะนำมาพูดถึงในที่สาธารณะ ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้ว ใครที่พูดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ กลับที่จะถูกมองว่าเป็นคนทะลึ่ง หมกมุ่นเรื่องเพศไปซะอย่างนั้น

แต่ในทางกลับกัน หากว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวหรือครูในโรงเรียนเอง ไม่ได้อธิบายเรื่องพวกนี้ให้แก่วัยรุ่นอย่างจริงจัง คิดเสียว่า “ซักวันเด็กโตขึ้นก็จะเข้าใจกันเอง” เป็นมุมมองความคิดแบบหัวอนุรักษ์นิยม ซึ่งเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างถูกต้องจริง ๆ

ยิ่งช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก การมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักก็อาจเป็นวิธีการบอกรักที่หลายคนเลือกทำ เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งคู่

โดยจากการรายงานผลการสำรวจการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและช่วยเหลือแม่วัยรุ่น ในประเทศไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกลุ่มแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ จำนวน 11,012 คน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 – พ.ศ.2561 รายงานว่า ก่อนการตั้งครรภ์ วัยรุ่นร้อยละ30 อยู่ในช่วงกำลังศึกษา อีกทั้งมีวัยรุ่นกว่าร้อยละ50 ที่ตั้งใจในการตั้งครรภ์ และชีวิตหลังจากตั้งครรภ์แล้วกว่าร้อยละ50 ที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก มีเพียงร้อยละ 20 ที่กลับไปเรียนที่เดิม เกินครึ่งศึกษาในระดับชั้นม.ต้น และไม่พร้อมสำหรับการดูแลบุตร เนื่องจากไม่มีอาชีพและรายได้เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูบุตร

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาอธิบายให้ฟังว่า จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะคุมกำเนิดที่อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม พร้อมทั้งอธิบายถึงข้อดี- ข้อเสียของแต่ละวิธี

1.นับระยะปลอดภัย

วิธีง่าย ๆ ที่หลายคนเรียกกันว่า หน้า 7 หลัง 7 วิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ ที่จะนับระยะปลอดภัยในช่วง 7 วันก่อนประจำเดือนจะมาครั้งแรก และนับหลังจากมีประจำเดือนวันแรกไปอีก 7 วัน ซึ่งเป็นวันที่ไข่ไม่ตก สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยไม่ต้องกลัวการตั้งครรภ์

ข้อดี
เนื่องจากว่าเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของผู้หญิง

ข้อเสีย
การคุมกำเนิดโดยวิธีนี้ จะใช้เฉพาะกับผู้หญิงที่ประจำเดือน มาตรงเวลาตลอดตามปกติเท่านั้น เพราะถ้าหากว่านับวันคลาดเคลื่อนเพียงแค่ 1 วัน ก็มีโอกาสสูงมากเลยทีเดียวที่จะตั้งครรภ์

2.หลั่งข้างนอก ปลอดภัยกว่า

อีกวิธีที่คุณสามารถป้องกันการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติได้ โดยการให้ฝ่ายชายหลั่งอสุจินอกช่องคลอด แต่วิธีการนี้เปอร์เซ็นต์การคุมกำเนิดจะค่อนข้างต่ำ เนื่องจากน้ำอสุจิอาจที่จะหลุดรอดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้

ข้อดี
เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับฝ่ายหญิง

ข้อเสีย
ความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง เพราะว่าในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ น้ำอสุจิอาจจะถูกหลั่งออกมาและหลุดเข้าไปผสมกับไข่ได้

3.สังเกตมูกที่ปากมดลูก

หากร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมา จะบ่งบอกถึงสภาวะไข่ตก ปากมดลูกจะมีความข้นเหนียวมากกว่าปกติ โดยที่เราเองก็สามารถตรวจเช็คได้โดยการสอดนิ้วเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งหากพบว่ามูกมีลักษณะใสและลื่น (คล้ายไข่ดิบขาว) และเหนียวจนสามารถที่จะดึงเป็นเส้นยาวได้ ช่วงนั้นก็ไม่ควรที่จะมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะถึง 4 วันหลังจากที่มูกยืดได้ยาวที่สุด จึงนับว่าเป็นระยะที่ปลอดภัยกับการป้องกันการตั้งครรภ์

ข้อดี
ไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกาย เนื่องจากเป็นปกติของสภาวะไข่ตก

ข้อเสีย
ต้องหมั่นตรวจเช็คทุกวัน เพราะอาจมีความคลาดเคลื่อนสูง

4.ใส่ถุงยางอนามัยชาย มั่นใจคูณสอง

คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ เป็นที่นิยมกันไปอย่างแพร่หลาย โดยการสวมถุงยางอนามัยเข้าไปในอวัยวะเพศชาย เพื่อการป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปสู่ไข่ของผู้หญิง ทั้งนี้ ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น HIV ซึ่งในปัจจุบันหาซื้อง่าย มีขายตามร้านยาและร้านค้าทั่วไป อีกทั้งมีหลายกลิ่น หลายประเภทผิวสัมผัส ให้ได้เลือกซื้อเลือกหากัน

ข้อดี
ไม่มีผลข้างเคียงแก่ทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง และจุดเด่นที่สำคัญของการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

ข้อเสีย
เป็นวิธีที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายชายที่ต้องเป็นผู้สวมถุงยางอนามัย แต่ถ้าหากสวมถุงยางอามัยไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้ถุงยางอนามัย ฉีก ขาด หรือรั่วได้ ซึ่งอาจจะไปสู่การตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นควรตรวจดูให้ดีก่อนการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง

5.สวมถุงยางอนามัยผู้หญิงก็มั่นใจคูณสอง

เป็นวิธีที่อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูนักสำหรับหลาย ๆ คน สามารถใช้ได้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน ลักษณะของถุงยางอนามัยผู้หญิงก็จะมีความคล้ายกับถุงยางอนามัยผู้ชาย ตรงที่ปลายถุงอีกข้างหนึ่งตัน ส่วนตรงปากถุงและก้นถุงนั้นมีขอบเป็นวงแข็งกว่าส่วนอื่น เพื่อให้ถุงคงรูปร่างเอาไว้ได้ การนำมาใช้งานงานก็สอดเข้าไปในช่องคลอดก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยประเภทนี้มีประสิทธิภาพการใช้งานเทียบเท่ากับถุงยางอนามัยชาย

ข้อดี
ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย

ข้อเสีย
หาซื้อได้ยาก เพราะไม่มีจำหน่ายตามท้องตลาดและร้านยาทั่วไป

6.ยาคุมกำเนิด ลดโอกาสท้องป่อง

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่สาว ๆ ด้วยเพราะความสะดวกสบาย ซึ่งตัวยาคุมกำเนิดจะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการตกไข่ ลดโอกาสในการตังครรภ์ให้น้อยลง จะมีทั้งประเภทแบบ 21 เม็ด และ แบบ 28 เม็ด แล้วก็ความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน

ข้อดี
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นอกจากยาคุมกำเนิดจะช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยเรื่องของอาการปวดประจำเดือนและอาการ PMS (อาการหงุดหงิดขั้นรุนแรง ก่อนที่จะมีประจำเดือน) ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดบางตัวยังนำมาใช้รักษาสิว รวมไปจนถึงควบคุมความมันบนใบหน้าอีกด้วย

ข้อเสีย
การใช้ยาคุมกำเนิด ต้องกินอยู่เป็นประจำ และกินให้ตรงเวลา ผู้ใช้ยาบางคนอาจจะมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงแรกของการใช้ยา แต่มีข้อจำกัดที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม

7.ยาคุมฉุกเฉิน มีไว้ตอนฉุกเฉินจริง ๆ

อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวยาที่คุ้นหูสำหรับหลาย ๆ คน ซึ่งยาคุมฉุกเฉิน มีไว้สำหรับในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจริง เช่น ขณะมีเพสสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยอาจเกิดรั่ว ฉีก ขาด หรือโดนกระทำชำเรา เป็นต้น โดยตัวยาจะมีฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่าตัวยาคุมทั่วไปถึง 2 เท่า ฤทธิ์ของตัวยาจะมีประสิทธิภาพในการเข้าไปรบกวนการตกไข่ จะส่งผลให้โอกาสที่ไข่กับอสุจิมาเจอกันจนเกิดการปฏิสนธิมีน้อยลง ดังนั้นในทางที่ดีจึงควรที่จะกินยาคุมฉุกเฉินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด แต่มีข้อจำกัดคือยาคุมฉุกเฉินจะไม่รบกวนการฝังตัวของไข่ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ไม่ส่งผลให้เกิดภาวะแท้งนั่นเอง

ข้อดี
ช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่นจากการเมาแล้วเกิดพลาด หรือการถูถข่มขืน เป็นต้น


ข้อเสีย
เนื่องจากประสิทธิภาพนการคุมกำเนิดไม่มีความคงที่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเลาที่กิน ซึ่งผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกกระปริบกระปอย และถ้าหากว่ากินบ่อย ๆ แล้ว อาจทำให้เสี่ยงภาวะท้องนอกมดลูกได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงไม่ควรกินเกิน 2 ครั้ง (4เม็ด) ภายใน 1 เดือน

8.ยาคุมแบบฉีด

อีกวิธีที่เป็นทางเลือกให้กับหลายคนได้ใช้กัน มีลักษณะการออกฤทธิ์ของยาคล้ายกับ ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด คือการช่วยยับยั้งการตกไข่และทำให้ผนังมดลูกบาง เป็นสภาวะที่ส่งผลให้ไม่เอื้อต่อการตั้งครรภ์ ซึ่งมียาคุมกำเนิดให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน คือ ยาฉีดคุมกำเนิดฮอร์โมนเดี่ยว สามารถช่วยคุมกำเนิดได้ 8-10 สัปดาห์ และยาฉีดคุมกำเนิดฮอร์โมนชนิดรวม ออกฤทธิ์ได้นาน 4 สัปดาห์

ข้อดี
เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องมากังวลเรื่องการลืมกินยา เหมาะสำหรับคนขี้หลงขี้ลืม สามารถลดโกาสในการตั้งครรภ์นอกมดลูก และยังบรรเทาอาการ PMS (อาการหงุดหงิดขั้นรุนแรง ก่อนที่จะมีประจำเดือน)

ข้อเสีย
ใช่ว่าการใช้ยาคุมกำเนิดจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายซะทีเดียว เพราะหากว่าคุณฉีดยาคุมเข้าไปแล้ว อาจจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณเพิ่มขึ้น ประจำเดือนอาจจะมาไม่เป็นปกติ เกิดภาวะกระดูกบาง และในบางคนอาจส่งผลทำให้มีภาวะการเจริญพันธุ์ช้า อีกทั้งต้องคอยหมั่นไปฉีดยาคุมกำเนิดให้ตรงเวลา และเมื่อคุณได้หยุดฉีดยาไปแล้ว ต้องรอถึง 1 ปี ร่างกายถึงจะพร้อมมีบุตรได้

9.ยาฝังคุมกำเนิด

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้สามารถ สร้างยาฝังคุมกำเนิดเป็นวิธีคุมแบบกึ่งถาวร สามารถที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 3-5 ปี วิธการก็ไม่ยาก โดยการฝังตัวยาคุมกำเนิดไว้ใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขนด้านใน ซึ่งฮอร์โมนในหลอดยาคุมกำเนิดจะช่วยยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือน และยังทำให้ปากมดลูกข้นเหนียว จะส่งผลให้อสุจิผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้ยาก

ข้อดี
เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้นานกว่ายาคุมกำเนิดแบบกิน หรือแบบฉีด ช่วยลดโกาสในการท้องนอกมดลูก อีกทั้งยังสามารถใช้กับสตรีที่ให้นมบุตรได้ตามปกติ และหลังจากที่ถอดยาฝังคุมกำเนิดแล้ว สามารถที่จะกลับเข้าสู่สภาวะเจริญพันธุ์ได้เร็วกว่ายาคุมกำเนิดแบบฉีด ทั้งนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และผู้ที่มีอายุระหว่าง 10-20 ปี สามารถเข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดฟรี

ข้อเสีย
อาจส่งผลให้มีเลือดออกกะปรกกะปรอยหลังจากที่ฝังยาคุมกำเนิดได้ หรืออาจมีอาการระคายเคือง ปวด บวมแดงบริเวณผิวหนังที่ฝังยาเข้าไป แต่อาการพวกนี้เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ก็อาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น สิวขึ้นปวดศีรษะ เจ็บเต้านม และอารมณ์แปรปรวนได้ในบางราย

10.แผ่นแปะคุมกำเนิด

อีกนวัตกรรมหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงในการคุมกำเนิด เป็นการนำแผ่นแปะคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนรวม คล้ายกับยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด แต่ใช้แปะผิวหนังแทนการรรับประทานเข้าไป โดยที่ตัวยาจะซึมผ่านเข้าไปยังผิวหนังไปยังกระแสเลือดโดยตรง ตัวยาจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในเลือดคงที่มากกว่าการทานยาคุมกำเนิดแบบเม็ดโดยทั่วไป

ข้อดี
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดอยู่ที่ 99.2% เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชอบลืมกินยาคุมกำเนิดแบบเม็ด อีกทั้งแผ่นแปะคุมกำเนิดยังมีผลข้างเคียงหลังจากการใช้น้อย และหลังจากเลิกใช้แล้วก็พร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้ทันทีเลย

ข้อเสีย
หากใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด สาว ๆ ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนแผ่นยาทุก ๆ 7 วัน และไม่เหมาะกับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวเกิน 90 กิโลกรัม อีกทั้งผู้หญิงที่สูบบุหรี่ก็ไม่ควรใช้ เพราะอาจจะกระตุ้นให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ รวมไปถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคตับ

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “สติ” ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องรู้จักป้องกันก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของคุณทุกครั้ง เพราะหากเกิดพลาดตั้งครรภ์ในช่วงที่ยังไม่พร้อมแล้ว นั่นหมายถึงอนาคตของคุณ คนที่รักเราหรือคนในครอบครัวเองก็อาจจะต้องเดือดจากการกระทำของเราเพียงครั้งเดียว

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
อ้างอิงจาก : https://www.sanook.com/health/2693/, https://health.kapook.com/view9227.html

ร่วมแสดงความคิดเห็น