ดอกเสี้ยวบานที่อุทยานแจ้ซ้อน

จังหวัดลำปางร่วมกับอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนจัดงานวันดอกเสี้ยวบานขึ้นตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนขับรถขึ้นไปเที่ยวงานวันดอกเสี้ยวบานของบ้านป่าเมี่ยงซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเขตอุทยานฯ

บรรยากาศโดยรอบห้อมล้อมด้วยขุนเขาขาวโพนไปด้วยดอกเสี้ยวยังเป็นภาพประทับใจ ตราตรึงอยู่ในความทรง โดยเฉพาะเมนูเด็ดของวันนั้นคือ ยำดอกเสี้ยวกับยำใบเมี่ยง แซบเหลือหลายอย่าบอกใคร

หลายคนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวงานวันดอกเสี้ยวบานที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เชื่อแน่ว่าคงเคยได้ยินได้ฟังถึงความไพบูลย์รวมถึงความสวยงามของผืนป่าแห่งแจ้ซ้อนมาแล้วไม่น้อย ว่ากันว่าบริเวณผืนป่าในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้นานา
พันธุ์ และยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิด โดยเฉพาะชื่อเสียงของแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯมีทั้งน้ำตกแจ้ซ้อน, น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนและสภาพป่าที่เหมาะสำหรับการเดินศึกษาธรรมชาติ

ผมเองแม้ว่าจะเคยเดินทางไปเยือนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนกว่าหลายครั้ง ทว่ากลับไม่รู้สึกเบื่อกับธรรมชาติรอบข้างที่เหลียวมองไปทางไหนนั้นชุ่มฉ่ำเขียวขจี ในช่วงฤดูฝนป่าทั้งป่าเขียวชอุ่มชุ่มชื่นมีเมฆฝนไหลเอื่อยๆสลับกับแนวเขาดูสวยงาม ขณะที่ในฤดูร้อนป่าทั้งป่าผลัดใบเปลี่ยนสีแลดูสวยงามราวกับจิตรกรได้บรรจงแต่งแต้มสีสันให้กับผืนป่า และในฤดูหนาว ป่าทั้งป่าสลัวลางอยู่ในม่านหมอก นับเป็นความทรงจำที่ไม่เคยซ้ำกันในแต่ละวันเวลา นอกจากนั้นเมื่อเดินทางมาที่นี่ไม่ว่าฤดูไหน ท่านยังสามารถสัมผัสไออุ่นของน้ำพุร้อนซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดขายของอุทยานฯแห่งนี้

นักท่องเที่ยวหลายท่านคงเกิดอาการลังเลเมื่อจะไปเที่ยวพักค้างแรมในอุทยานแห่งชาติที่/ไหนสักแห่ง โดยเฉพาะเรื่องของบ้านพักที่เกรงกันว่าจะมีไม่พอ แต่ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนนั้นมีบ้านพักรับรองไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวหลายหลัง ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ มาเป็นหมู่บ้านคณะ นอกจากนั้นทางอุทยานฯยังมีบ้านพักรับรองสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นคณะใหญ่ๆ ประมาณว่าบ้านพักรับรองของอุทยานฯที่มีอยู่นั้นสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนกว่า 200 คน และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้าน ทางอุทยานฯ

ยังมีหมู่บ้านที่เข้าร่วมในโครงการบ้านพักชนบทหรือที่เรียกว่า โฮมสเตย์ (Home stay) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานฯมากนัก โดยมี 6 หมู่บ้านที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ผมเองเคยเดินทางไปนอนพักบ้านในชนบทที่บ้านหลวงแจ้ซ้อนมาแล้ว หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากอุทยานฯ เรียกว่าถ้าท่านนำรถจักรยานประเภทเสือภูเขาติดรถมาด้วยก็สามารถปั่นรถเที่ยวชมหมู่บ้านได้อย่างสบาย หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ วิถีชีวิตของชาวบ้านยังคงเรียบง่ายส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการเกษตร ดังนั้นเมื่อเข้าไปในหมู่บ้านเราจึงเห็นทุ่งนาผืนกว้างทอดยาวไปจนถึงเชิงเขาด้านทิศตะวันตก

ส่วนยามค่ำคืนนั้น บรรยากาศของหมู่บ้านไม่ต้องพูดถึง เวลานอนกลางคืนจะมีเสียงหรีดหริ่งเรไรระคนกับลมหนาวที่โชยพัดมาพอสร้างความรู้สึกที่แปลกแตกต่างกับการนอนในผ้าห่มหนาที่บ้านหลายเท่านัก ความรู้สึกเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นกับคนที่รักความสะดวกสบายเท่าใดหรอก ทว่ามันกลับทำให้หัวใจพองโตและอยากจะกลับไปสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้งเมื่อยามที่ต้องนั่งเซ็งอยู่กับสภาพรถติดและความวุ่นวายในสังคมเมือง

วกกลับมาพูดถึงงานวันดอกเสี้ยวบาน ที่จัดขึ้นที่บ้านป่าเมี่ยงซึ่งเป็นหมู่บ้านในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน แน่นอนว่าภูมิประเทศส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นภูเขาสูง พรรณไม้ขึ้นชื่อในบริเวณนี้ ได้แก่ เสี้ยวป่า หรือ ดอกเสี้ยวขาว ซึ่งจะออกดอกในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมทุกปี สำหรับชื่อทางวิทยาศาสตร์ของดอกเสี้ยวขาวนั้น มีชื่อเรียกว่า Buahinia Variegata Linn. อยู่ในตระกูล Leguminosae. เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูงประมาณ 15 เมตร ดอกจะมีสีขาวอมม่วงมีกลิ่นหอม จะพบได้แห่งเดียวในป่าบริเวณบ้านป่าเมี่ยง นอกจากนั้นยังมีต้นเมี่ยง

ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไม้ประจำถิ่นขึ้นปะปนอยู่ในบริเวณด้วย จนกระทั่งอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่คือการเก็บเมี่ยง และยังว่ากันว่าจำนวนเมี่ยงที่วางขายอยู่ในท้องตลาดเกือบครึ่งหนึ่งมาจากบ้านป่าเมี่ยงแห่งนี้

หลังจากที่ได้มีการจัดงานวันดอกเสี้ยวบานขึ้น ทางหมู่บ้านป่าเมี่ยงจึงได้ทำการอนุรักษ์ต้นเมี่ยงและต้นเสี้ยวป่าซึ่งชาวบ้านเกรงว่าต้นไม้ประจำถิ่นดังกล่าวจะถูกตัดโค่นสูญพันธ์ไป ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาชาวบ้านที่ไม่เห็นคุณค่าพากันลักลอบตัดเพื่อนำไม้มาทำเป็นฝืนใช้หุงต้มทำอาหาร แต่หลังจากที่ได้ประชุมชาวบ้านแล้วก็มีการห้ามตัดต้นเสี้ยวป่าโดยเด็ดขาด ซึ่งทางอุทยานฯก็ได้เข้ามาดูแลอนุรักษ์และจัดให้มีงานวันดอกเสี้ยวบานขึ้น

ดอกเสี้ยวบานที่อุทยานแจ้ซ้อนในปีนี้จึงอยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในธรรมชาติความงามของผืนป่าพากันเข้าไปสัมผัสไอดินกลิ่นหมอกและดอกเสี้ยวที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นอกจากบรรยากาศธรรมชาติรอบกายแล้ว วิถีชีวิตของชาวบ้านและการจัดการชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของชาวบ้านนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นตัวอย่างแก่อีกหลายชุมชน ซึ่งผลพวงที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่การส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐเท่านั้น การสร้างความรู้ ความสามัคคีในหมู่ชาวบ้านและเยาวชนคนรุ่นใหม่ของหมู่บ้าน จะก่อให้เกิดแรงผลักดันในการสานต่องานประเพณีอันดีงามของชาวบ้านป่าเมี่ยงสืบต่อไป

บทความโดย
จักรพงษ์  คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น