“6 สายพันธุ์กล้วยไม้” ที่คนเชียงใหม่ต้องปลูกไว้ที่บ้าน

กล้วยไม้ เป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ ที่คนจังหวัดเชียงใหม่ นิยมปลูกกันเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นพืชที่มีดอกสีสันสดใส และบางสายพันธุ์ ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วย และสำหรับใคร ที่อยากจะได้กล้วยไม้สวย ๆ แต่ไม่รู้จะเลี้ยงสายพันธุ์อะไร และไม่รู้จะไปหาซื้อกล้วยไม้ที่ไหน

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” มีสายพันธุ์กล้วยไม้ที่คนเชียงใหม่นิยมปลูก และสถานที่แหล่งขายกล้วยไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่มาบอกกัน

ตลาดคำเที่ยง

เป็นตลาดที่ขายพืชพรรณไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ หรือที่คนเชียงใหม่ รู้จักกันในชื่อของ “กาดคำเที่ยง” หรือ ตลาดคำเที่ยงนั้นเอง ที่นี้เรียกได้ว่า เป็นศูนย์รวมต้นไม้จตุจักรแห่งเชียงใหม่นี้ก็ว่าได้ ร้านส่วนใหญ่จะรับดอกกล้วยไม้มาจากจังหวัดนครปฐม และบางสายพันธุ์ รับมาจากโครงการหลวงจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก ที่มารับพืชพรรณกล้วยไม้ในราคาส่งไปขาย เนื่องจากที่ตลาดคำเที่ยงแห่งนี้ มีสายพันธุ์กล้วยไม้ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์สำหรับการดูแลต้นไม้อีกด้วย สำหรับคนที่อยู่เชียงใหม่ โซนภาคเหนือ หรือใครที่มาเที่ยวเชียงใหม่ แล้วสนใจอยากได้ต้นไม้ ดอกไม้ หรืออุปกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ก็แวะมาที่นี้ได้เลย เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง 6 โมงเย็น เรียกได้ว่ามาที่นี้ ได้กล้วยไม้สวย ๆ ติดมือไปแน่นอน

สายพันธุ์กล้วยไม้ยอดฮิต

1.กล้วยไม้ตระกูลหวาย

กล้วยไม้ตระกูลหวาย จะมีทั้งหมดอยู่ 2 สายพันธุ์ นั้นคือ หวายใหญ่ และ หวายแคระ ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ชอบอากาศร้อน อยู่ได้ทุกสภาพอากาศ ออกดอกตลอด ที่สำคัญเป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงง่ายมาก ๆ และเป็นสายพันธุ์ ที่มีการนำมาตัดดอกเพื่อจำหน่าย การปลูกเลี้ยงมีหลายวิธี ทั้งลงปลูกใส่กระบะกาบมะพร้าว หรือถ่าน อีกทั้งสายพันธุ์นี้ ยังมีราคาถูกอีกด้วย ซึ่งในตลาดคำเที่ยง จังหวัดเชียงใหม่ ขายอยู่ที่ต้นล่ะ 35 บาท ซื้อ 3 ต้น 100 บาท เรียกได้ว่าทั้งถูก และอึดทนกับสภาพอากาศบ้านเราได้เป็นอย่างดี จึงเป็นสายพันธุ์ที่คนเชียงใหม่ชื่นชอบ และขายดีมากที่สุด

2.ฟาแลนด์

สกุลเขากวางอ่อน หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “ฟาแลนด์” กล้วยไม้ฟาแลนด์ กำลังเป็นที่สนใจของผู้ที่ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ทั่วไป เพราะกล้วยไม้สกุลนี้ได้ถูกปรับปรุงพันธุ์ และผสมกันมาหลายทอด จนทำให้รูปทรงออกมาสวยงาม ทั้งรูปทรงดอก และสีของดอก ดอกกลมใหญ่ กลีบหนา ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีเหลือง ก้านช่อยาว เหมาะสำหรับปักแจกัน ต้นหนึ่งออกดอกได้หลายช่อ เป็นพืชที่ไม่ค่อยชอบน้ำ ชอบอากาศเย็น สามารถเลี้ยงในห้องแอร์ หรือในห้องนอนได้อีกด้วย

3.ออนซิเดียม

ออนซิเดียม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตุ๊กตาเริงระบำ ที่ได้ชื่อว่า ตุ๊กตาเริงระบำนั้น เป็นเพราะว่า ด้วยรูปทรงลักษณะของกล้วยไม้ จะเหมือนตุ๊กตาใส่กระโปรงชุดยาว เมื่อมีลมพัดผ่านมา กล้วยไม้พันธุ์นี้ จะเต้นไปตามลม เปรียบเหมือนกับ ตุ๊กตากำลังเต้นระบำอยู่นั้นเอง ซึ่งกล้วยไม้สายพันธุ์นี้ เป็นที่นิยมปลูกกันอย่างมาก เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย มีรูปร่าง สีสันที่โดดเด่น และมีรูปร่างลักษณะที่ดึงดูดความสนใจอีกด้วย

4.ตระกูลแวนด้า

กล้วยไม้สายพันธุ์นี้ เป็นที่นิยมปลูกกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย ออกดอกเก่ง ดอกมีขนาดใหญ่ และสีสันจัดจ้าน บางสายพันธ์จะมีกลิ่นหอม มีลักษณะเป็นรากอากาศ เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา แต่ไม่ควรอยู่ในที่ที่มีแสงแดดมากเกินไป ควรปลูกในที่ที่มีแดดรำไร และรดน้ำทุกวัน หรือวันเว้นวันก็ได้ ห้ามรดตรงบริเวณใบ และดอก เพราะจะทำให้ดอก และใบนั้น เหี่ยวเฉาได้

5.ตระกูลแคทลียา

“แคทลียา” เป็นหนึ่งในกล้วยไม้ ที่นิยมปลูกกันอย่างมาก เนื่องจากฟอร์มดอกสวย สีสันสดใส บางสายพันธุ์มีกลิ่นหอม ทำให้ผู้คนหลงเสน่ห์กับความสวยงามของดอกกล้วยไม้สายพันธ์นี้ ลักษณะกล้วยไม้สายพันธุ์นี้ มีเหง้า และระบบรากอากาศ ไม่มีรากแขนง เป็นกล้วยไม้ที่มีลำลูกกล้วยหลายลักษณะ บางชนิดลำลูกกล้วยเป็นข้อปล้อง บางชนิดอ้วนป้อม ดอกแคทลียา มีทั้งดอกเดี่ยว และดอกช่อ ในช่อ ๆ หนึ่ง อาจจะมีเพียงดอกเดียว สองดอก หรือบางชนิดมีถึงสิบดอก

6.กล้วยไม้สกุลช้าง

ถือว่าเป็นพระเอกของกล้วยไม้เลยก็ว่าได้ เป็นกล้วยไม้ประเภทอิงอาศัยรากอากาศ เช่นเดียวกับแวนด้า ในธรรมชาติจะมีอยู่ตามป่าเขา เกาะอยู่ตามคาคบไม้ที่สูงจากพื้นประมาณ 10 เมตร กล้วยไม้สกุลช้างเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงไม่เกิน 500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไม่ชอบอากาศที่แห้ง หรือหนาวจัดจนเกินไป และจะออกดอกให้ชมเพียงปีละหนึ่งครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม จนถึงเดือน กุมภาพันธ์

วิธีการดูกล้วยไม้
1.แสงแดด
การปลูกกล้วยไม้ จำเป็นต้องพรางแสงให้ตามความเหมาะของแต่ละสกุล กล้วยไม้สกุลหวาย ต้องการแสงแดดเพียง 60-70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแวนด้าต้องการแสงแดด เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง

2.อุณหภูมิ
กล้วยไม้เขตร้อนเจริญเติบโตได้ดี ที่อุณหภูมิ 25-35 องศาเซลเซียส เมื่อมีการพรางแสง ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ปัญหาเรื่องอุณหภูมิจะไม่เกิดขึ้นในบ้านเรา

3.ความชื้น
กล้วยไม้เกือบทุกสกุล ต้องการความชื้นสัมพัทธ์ อยู่ระหว่าง 60-80 เปอร์เซ็นต์ โดยรักษาความชื้นบริเวณราก ให้อยู่ในระดับที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งพึงระวังคือ อย่าให้ลมพัดโกรกแรง และไม่ควรรดน้ำบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณรากชื้นมากเกินความจำเป็น ซึ่งในบริเวณที่ปลูก ต้องจัดการให้มีลมพัดผ่านได้ดี

4.โรคกล้วยไม้ และวิธีแก้ไข
โรคที่พบได้บ่อยในกล้วยไม้ คือ โรคใบจุด เกิดขาดการเข้าทำลายของเชื้อราชนิดหนึ่ง อาการของโรคที่ระบาดในกล้วยไม้แวนด้า พบรอยแผลยาวคล้ายกระสวย บริเวณกลางแผลจะเป็นตุ่มนูน แต่ถ้าหากเกิดที่ใบของกล้วยไม้สกุลหวาย พบเป็นจุดสีดำขนาดเล็ก เท่าปลายเข็มหมุด และขยายเพิ่มขนาดขึ้นถึงเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ยุบลงลึกในเนื้อใบ ขอบแผลสีน้ำตาลอ่อน ต่อมาจะลุกลามทำให้ใบเน่าเสียหาย วิธีป้องกันจำกัด ให้ตัดใบที่เริ่มแสดงอาการของโรคเผาทำลายทิ้ง หากเกิดการระบาดรุนแรงให้ฉีดพ่นด้วยคาร์เบนดาซิม หรือแมนโคเซบ ตามอัตรา และเวลาที่ระบุไว้ที่ฉลาก

สรุป
ทั้งนี้ควรใส่ใจ และดูแลให้สม่ำเสมอ ศึกษา และทำความรู้จักกับกล้วยไม้แต่ละสกุล อีกทั้งวิธีดูแลพืชกล้วยไม้แต่ละตระกูลให้ดีเสียก่อน ก่อนจะนำไปเลี้ยง

เรียบเรียงโดย: “เชียงใหม่นิวส์”

บทความที่เกี่ยวข้อง

“แฟชั่นสไตล์สาวเหนือ” เสน่ห์ผ้าไทยล้านนา

พาเที่ยว “แม่แตง” เมืองแห่งมนตร์เสน่ห์

กว่าจะเป็นเชียงใหม่ ตอนที่ 3 การล่มสลายอาณาจักรล้านนา

ดอกไม้ไหว้พระ ศรัทธาที่มาพร้อมความเชื่อ

ร่วมแสดงความคิดเห็น