ผู้ว่าฯเชียงราย ติวเข้มพื้นที่เกิดฮอตสปอต ย้ำให้ประชาชนเข้าใจ และเกิดสำนึกในสังคม

เวลา 11.30 น.วันที่ 1 มี.ค.62 ที่ห้องประชุมสำนักงาน ปภ.จ.เชียงราย ชั้น 3 ศาลากลางนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย เป็นประธานในการประชุมขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่า และการเผาในที่โล่ง ของกองอำนวยการ ปภ. เชียงราย เพื่อหารือในการประสานการบริหารจัดการสถานการณ์ หลังจากที่ได้เกิดจุดความร้อน ในพื้นที่บ้านสันติคีรี ม.1 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 26 ก.พ.62 เวลา 13.45น.

โดยมี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าที่ ร.ต.กรกฎ ประเสริฐวงษ์ นาย อ.แม่ฟ้าหลวง ผู้นำท้องที่ และผู้นำชุมชน ตลอดทั้งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยง จากกรณีสถานการณ์การเกิดไฟป่า ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการ เกษตร และให้ผู้รับผิดชอบในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อมาชี้แจงสาเหตุ และการปฏิบัติในเชิงการแก้ไขปัญหา รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

โดยว่าที่ ร.ต.กรกฎ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ลงมือเผา คาดว่าจะเป็นการเผา เพื่อเอาที่ทำกินทางการเกษตร โดยไฟได้โหมลุกไหม้บริเวณป่าชุมชนอย่างรวดเร็ว บริเวณสุสานจีน แต่สุสานไม่ได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุทางฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ชาวบ้าน ได้ระดมกำลังกันเข้าไปดับไฟ จนสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ และไม่ขยายไปยังเขตชุมชน

ซึ่งการที่สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว เพราะทาง อปท.ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง ได้จัดหาเครื่องมือเป็นเครื่องพ่นน้ำและสายยาง ยาวประมาณ 200 เมตร เอาไว้ประจำทุกหมู่บ้านทั้ง 77 หมู่บ้าน ซึ่งสามารถบรรทุกในรถกระบะ เพื่อให้สามารถลำเลียงไปดับเพลิง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ เนื่องจากภูมิประเทศ อ.แม่ฟ้าหลวง ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง หากว่าไม่ใช้เครื่องมือชนิดนี้คงยากต่อการดับไฟ

ด้าน นายประจญ ผวจ.กล่าวว่า นับตั้งแต่มีมาตรการห้ามเผาโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เกิดฮอตสปอตขึ้นในพื้นที่ จ.เชียงราย เพียงแค่ 3 ครั้ง คือในเขต ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ ต.ปอ อ.เวียงแก่น และ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นแล้ว ถือว่าเกิดขึ้นน้อยกว่ามาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนในพื้นที่ ยึดถือปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขกรณีเกิดไฟไหม้กันเป็นปกติทุกฤดูแล้ง โดยในปี 2560 เกิดขึ้นจำนวน 19 ครั้ง ปี 2561 จำนวน 17 ครั้ง

สำหรับปีนี้ ยังเหลือระยะเวลาอีกเดือนครึ่ง จึงถือเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง จากนโยบายได้ตั้งเป้าว่า จะไม่ให้เกิดการเผาขึ้นเลย แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง จึงถึงเวลาที่จะต้องรุกเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยได้ให้ทาง ปภ.จัดทำแผน โดยจัดกำลังร่วมระหว่างพลเรือน นำโดยฝ่ายปก ครอง ทหาร ตำรวจ และป่าไม้ ให้ร่วมกันเข้าไปลาดตระเวนในพื้นที่ป่า โดยอาจใช้กำลังพลจุดละ ประมาณ 10 นาย เข้าไปพักค้างแรมในป่า 2 คืน 3 วัน สลับกันไป

โดยทาง อปท.ให้การสนับสนุนด้านเสบียง และจัดให้กำลังอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพล เรือน (อปพร.) ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) และอื่นๆ ภายในหมู่บ้านได้จัดเวรยาม ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น.และ 24.00-06.00 น.ผลัดละอย่างน้อย 2 นายหมุนเวียนกันไป เพื่อให้คอยสอดส่องดูแลหมู่บ้าน และพื้นที่ของตนว่า เกิดการเผาหรือไม่เพื่อจะได้ป้องกันได้ทัน

“มาตรการทั้ง 2 ที่กล่าวมานั้น เพื่อป้องกันปรามไม่ให้กลุ่มคนที่อยากจะเผา ได้เกรงกลัวและสำนึกด้วยตัวเองว่า ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชน สำหรับพื้นที่ที่เกิดฮอตสปอตไปแล้ว ก็ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ไปทำการกระจายเสียงตามสาย และจัดรถประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะ อ.แม่ฟ้าหลวง มีหมู่บ้านบริเวณที่อาจห่างไกล ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารหรือประกาศห้ามเผา ได้เข้าใจเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดเหตุเผาเช่นนี้ ส่วนคนที่แจ้งเบาะแสก็มีรางวัลนำจับ 3,000 บาท ผู้กระทำความผิดจะถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งหากเกิดไฟไหม้ขึ้นแล้ว ก็จะได้ดับให้รวดเร็ว เพราะหลายพื้นที่อาจจะเกิดไฟไหม้ แล้วแต่สามารถจะระดมกำลังดับได้เร็ว ทำให้ไม่เกิดฮอตสปอตและไม่มีผลกระทบในที่สุด” ผวจ.เชียงราย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น