บิ๊กป้อม ขึ้นเหนือ ติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน หลังเชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือ ประสบวิกฤติ PM 2.5 พุ่งสูง เน้นย้ำการป้องปรามไฟป่า และการสร้างความเข้าใจกับ ปชช.

เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.วันที่ 14 มี.ค.62 ที่สโมสรค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุม และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ ของกองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ภายหลังจากที่ในช่วงระยะ 3-4 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือ ปรากฏค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการทั้ง 9 จังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เข้าร่วมการประชุม และรับฟังบรรยาย

ทั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัดตั้ง กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.62 เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการปฏิบัติโดยกำหนด Action Plan มุ่งเน้นการปฏิบัติเชิงรุก โดยที่ผ่านมาสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาในภาพรวม สามารถควบคุมการเกิดจุดความร้อน Hotspot ในพื้นที่ในระดับที่น่าพึงพอใจ หรือสามารถ โดยสามารถดับไฟได้ 14,000 ไร่เศษ ขณะเดียวกันได้มีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประชา สัมพันธ์ขอความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนการวางแผนในการปฏิบัติงานทั้งก่อนและหลังเกิดปัญหา โดยหลังการฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายเสร็จสิ้น

ทาง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์การดับไฟป่า และการทำม่านน้ำในพื้นที่คูเมืองเชียงใหม่
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการมีไฟป่าเกิดขึ้น ดังนั้นการดำเนินการแก้ไข จะต้องพยายามทำให้มีการเกิดไฟป่าน้อยลงที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามพ่นละอองน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ และลดปริมาณค่าฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างไรก็ตาม ได้มีการกำชับให้ทางเจ้าหน้าที่แต่ละพื้นที่ วางมาตรการในการควบคุมการเกิดไฟป่า ให้มีการเกิดน้อยลงมากที่สุด

นอกจากนี้ ต้องมีการดำเนินการจับกุม และดำเนินคดีกับผู้ลักลอบกระทำความผิดอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมา ทราบว่ามีการจับกุมแล้ว 64 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเข้าใจถึงผลกระทบของฝุ่นละออง PM 2.5 ว่าเกิดจากอะไร โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ร่วมกับทางนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองด้วย

ในส่วนของการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายนั้น ขณะนี้ได้มีการดำเนินการกันอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมาย ในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเผาป่า และการป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามหนัก แต่จากผลการตรวจสอบก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากยังคงเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มากอยู่ และต้องทำให้มีปริมาณลดน้อยลง ซึ่งส่วนหนึ่งนั้น เกิดจากการรับรู้ของประชาชนที่ไม่ทั่วถึง และส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับผู้นำชุมชนที่จะสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทั่วไป ว่าการเผาป่านั้นสร้างมลพิษ แม้ที่ผ่านมาจะมีการดำเนินการร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ก็ตาม ประกอบกับปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือนั้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่สูง ทำให้การเข้าไประงับเหตุหรือดับไฟนั้นเป็นไปได้ยาก ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามอย่างถึงที่สุด ในการใช้ยุทโธปกรณ์เข้าไปดับไฟ อย่างไรก็ตามการดำเนินการที่ได้ผลในระยะยาว คือการไม่ให้เผาป่า รวมไปถึงความเข้าใจและการรับรู้ของประชาชนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันในการไม่เผาป่า เมื่อไม่มีการเผาป่าก็จะไม่เกิดไฟป่า และไม่เกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อีกต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น