กรมควบคุมโรค เตือนช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ระวังถูกฟ้าผ่า ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้งหรืออยู่ใต้ต้นไม้ แนะ 7 วิธีขับขี่ปลอดภัยในช่วงฝนตกลมแรง

กรมควบคุมโรค กระทรงสาธารณสุข เตือนช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่โล่งแจ้งหรืออยู่ใต้ต้นไม้ ป้ายโฆษณา และไม่ควรขับรถฝ่าฝนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมแนะ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย เน้นลดความเร็ว หลีกเลี่ยงการแซง และประเมินสถานการณ์ก่อนขับรถผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขัง

นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค

วันนี้ (21 มีนาคม 2562) นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าช่วงวันที่ 23-25 มีนาคม นี้ จะมีพายุฤดูร้อนในหลายพื้นที่ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก ควรระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ดังนั้นควรอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกร ควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรรวมทั้งเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่มักเกิดในพื้นที่โล่งแจ้ง สวน นา ไร่ ด้วย

กรมควบคุมโรคแนะนำวิธีการป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งในขณะฝนตก ฟ้าคะนอง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา 2.ควรหลบในตัวอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรืออยู่ใกล้ประตูหน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า 3.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสื่อไฟฟ้าต่างๆ ทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ และ 4.กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน และไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด

นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ขับรถให้ระมัดระวังอันตรายในช่วงฝนตกลมแรง ซึ่งจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี โดยผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย ดังนี้ 1.เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นได้จากระยะไกล 2.เปิดใบปัดน้ำฝน และควรปรับระดับความเร็วใบปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง เพราะมีน้ำขัง และอาจทำให้รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ต้องปฏิบัติตามป้ายจำกัดความเร็วอย่างเคร่งครัด 4.ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขี้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น 5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็น ต้องประเมินสถานการณ์หรือกะระยะทางข้างหน้าให้ปลอดภัย 6.กรณีรถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยๆเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นหากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ร่วมแสดงความคิดเห็น