ผู้ว่าฯจี้ทุกอำเภอเร่งดับไฟป่า หลังพบจุดฮอทสปอตเพิ่มขึ้น หวั่นทำค่าพีเอ็ม 2.5 พุ่งสูง

สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่ จ.เชียงใหม่ ยังคงวิกฤติแม้ว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กต่ำกว่า 2.5 ไมครอน หรือ พีเอ็ม 2.5 จะเริ่มลดลง หลังจากพุ่งสูงเกินมตรฐานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่จุดความร้อน หรือ จุดฮฮตสปอต ที่เกิดจากไฟป่า ยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพราะไฟป่าเกิดขึ้นบนภูเขาสูงที่เป็นชะง่อนผา กำลังคนจึงไม่สามารถดเข้าไปยังจุดที่เกิดไฟป่าได้ ต้องประสานให้เฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำเข้าไปดับไฟป่า

ล่าสุดที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ณ เวลา 10.00 น. วันนี้ ( 1 เม.ย.) วัดค่าพีเอ็ม 2.5 ได้ 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI อยู่ที่ 239 และที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ในต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่าพีเอ็ม 2.5 ได้ 94ไม่โครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และAQI อยู่ที่ 204

ส่วนเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 1 เม.ย.) นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้แถลงข่าวผลการการปฏิบัติการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า จ.เชียงใหม่ หลังจากวานนี้ได้ประชุมหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเตรียมระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2 พันนาย สนธิกำลังร่วมกับทหาร และตำรวจ ลงพื้นที่เพื่อดับไฟป่า รวมทั้งนำเฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำเข้ามาดับไฟป่าในพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูง

นายศุภชัย กล่าวว่า การปฎิบัติงานย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ต้องหยุดปัญหาการเผาป่าให้ได้ เบื้องต้นวันนี้ได้เรียกประชุมนายอำเภอทั้ง 25 อำเภอ เพื่อเน้นย้ำ 3 เรื่องคือ การยุติไฟป่าให้หมดไปจากพื้นที่ การลดภาวะฝุ่นละอองโดยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศต่อเนื่อง และการดูแลสุขภาพของประชาชน ที่ผ่านมาได้จัดตั้งเซฟตี้โซนขึ้นที่อาคารเอสเอ็มอี ภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่

ขณะเดียวกันได้สั่งการให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ จัดตั้งเซฟตี้โซนเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ได้ประสานไปยังศึกษาธิการจังหวัด เพื่อสั่งการให้ทุกโรงเรียนตรวจสอบเรื่องสุขภาพของนักเรียน หากพบมีนักเรียนเจ็บป่วยจากผลพวงของมลพิษหมอกควัน ให้จัดแพทย์มาตรวจร่างกายเพื่อประเมินอาการและรักษาตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนการออกปฏิบัติการดับไฟป่าที่เกิดขึ้น จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานให้จังหวัดทราบทุกครั้ง ที่ผ่านมาก็สามารถดับไปได้หลายจุด แต่ก็ยังมีไฟป่าเกิดขึ้นอยู่ จึงต้องดำเนินการให้ต่อเนื่อง โดยจังหวัดกำหนดแผนปฏิบัติงานไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนเพื่อยับยั้งปัญหาไฟป่าให้ได้
สำหรับจุดความร้อน หรือ ฮฮตสปอตจากการไฟป่า ที่ดาวเทียมตรวจพบยังมีขึ้น-ลงทุกวัน โดยวันที่ 29 มี.ค. พบ 53 จุด วันที่ 30 มี.ค. พบ 131 จุด และวันที่ 31 มี.ค. 152 จุด ส่วนเช้าวันนี้พบจุดฮอตสปอตเพิ่มขึ้น จึงโทรศัพท์ด่วนไปยังนายอำเภอทุกอำเภอให้เร่งเข้าไปดับไฟป่าและรายงานเข้ามาภายในช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งจุดฮอตสปอตที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่ายังมีไฟป่าเกิดในพื้นที่ แต่จากการตรวจสอบไฟป่าที่เกิดขึ้นยังกินพื้นที่ไม่มากนักประมาณ 5 – 10 ไร่ มากที่สุดคือ 30 ไร่

ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยว จากการประเมินสถานการณ์พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นปกติ ส่วนผลกระทบอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น เที่ยวบินจากต่างประเทศที่บินเข้ามาไม่สามารถลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ได้ จึงเปลี่ยนไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน แต่หลังหมอกควันจากก็สามารถบินกลับมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ได้
นายศุภชัย ระบุด้วยว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้สาเหตุหลักเกิดจากฝีมือมนุษย์ จึงต้องพยายามทำความเข้าใจและสร้างความรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับคนเผาป่า นอกจากแผนระยะสั้นที่ดำเนินการในห้วงภาวะวิกฤตินี้แล้ว จังหวัดยังมองถึงแผนระยะปานกลาง และระยะยาวที่จะแก้ปัญหาฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืนไว้แล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมที่มีส่วนราชการ ภาควิชาการ เอกชน และประชาชนเข้าร่วมเพื่อวางแผนการทำงานต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น