ระวัง 8 โรคแฝงที่มากับน้ำในเทศกาลวันสงกรานต์

สงกรานต์ สงกรานต์ สนุกสนานประเพณีไทย  เทศกาลสงกรานต์ใกล้เข้ามาแล้ว หลายต่อหลายคนใจจดใจจ่อกับการรอคอยวันที่จะได้เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวังในเทศกาลนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุเท่านั้น เชื้อโรคต่าง ๆ  และโรคภัยไข้เจ็บที่แฝงมากับช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงนี้ที่แฝงมาในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาบอกถึงโรคที่อาจมากับน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากไม่ระวังอาจทำให้เกิดโรคกันได้

1.โรคตาแดง

มีสาเหตุจากน้ำที่นำมาสาดเล่นไม่สะอาด มีเชื้อโรคปะปน เช่น น้ำในคลอง หรือน้ำบาดาล หากน้ำกระเด็นเข้าตาหรือมือที่ไม่สะอาด แล้วเอามือไปขยี้ตา ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ และอักเสบบวมแดงขึ้นมาได้ มีอาการเบื้องต้นคือ เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล ปวดตา เห็นเส้นเลือดในตาชัดเจน

ควรหลีกเลี่ยง : การเล่นน้ำที่ไม่สะอาด และไม่ขยี้ตาเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าลูกตา แต่หากมีอาการเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล ปวดตา หรือมีสิ่งแปลกปลอม ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที หรือลืมตาในน้ำสะอาด และกลอกตาไปมาเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา แต่จะให้ดีที่สุดคือใช้น้ำสะอาดไหลผ่านเข้าตาเพื่อล้างและกันสารเคมีปนเปื้อนจากสิ่งที่เข้าตา หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์

2. อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง อหิวาตกโรค

อากาศที่ร้อน แห้ง เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ปรสิต ฯลฯ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคนี้ ผู้ที่ได้รับเชื่อจะแสดงอาการภายใน 1-2 วัน รู้สึกพะอืดพะอม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ถ่ายเหลว ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ หากอาการรุนแรงอาจะทำให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้

ควรหลีกเลี่ยง : การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ นม รวมถึงยึดหลักปฏิบัติ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปราศจากโรค” เพื่อลดความเสี่ยงเป็นโรคอาหารเป็นพิษได้

3. ลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke)

เล่นน้ำในช่วงแดดจัด ร้อนอบอ้าว แถมคนเยอะ ปัจจัยเหล่านี้นอกจากจะทำผิวเสียแล้วยังทำให้เกิดความหงุดหงิด แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ โรคฮีทสโตรกหรือลมแดด  ซึ่งคืออาการที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดความร้อนได้จนอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทำให้เซลล์และอวัยวะต่าง ๆ จะสูญเสียการทำงานจนทำให้เกิดอาการเป็นตะคริว หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ใจสั่น หากมีอาการเหล่านี้แล้วไม่รีบพักหรือพบแพทย์อาจทำให้เสียชีวิตได้

ควรหลีกเลี่ยง : สถานที่ร้อนจัด แดดแรง ๆ  และควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ แต่หากเกิดอาการดังกล่าวแล้ว ควรหลบไปอยู่ในที่ร่มเย็น อากาศถ่ายเทสะดวก เป่าพัดลม เช็ดตัวด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนออกมาเร็วที่สุด และหากอาการยังไม่ดีขึ้นรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

4. โรคไข้หวัด และปอดอักเสบ

เป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อย ๆ จากการเล่นน้ำสงกรานต์ โดยเฉพาะในเด็ก ๆ ที่มีภูมิต้านทานต่ำ การเล่นน้ำสงกรานต์ทำให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเล่นน้ำติดต่อกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ทำให้อุณหภูมิของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากร้อนจัดเพราะอากาศ มาเป็นเย็นจัดเพราะน้ำที่สาดเล่น โดย อาการเบื้องต้นเมื่อ เป็นหวัด คือ คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจไม่ออก จาม ตัวร้อน น้ำมูกไหลลงคอ หากรู้สึกมีไข้หรือไม่สบาย ควรหยุดเล่นน้ำทันที เพราะจะทำให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาจเป็นไข้หวัดใหญ่หรือปอดบวมได้

5. โรคผิวหนัง

มักเกิดขึ้นในหน้าร้อน เพราะรักษาความสะอาดของผิวหนังไม่ดีพอ และติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากน้ำที่นำมาเล่นไม่สะอาดก็จะเกิดโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรรักษาความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ ใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาหรือคับจนเกินไป และระบายอากาศได้ดี โดยโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นได้ ได้แก่ กลาก เกลื้อน ผดร้อน ตุ่มใส ตุ่มแดง ตุ่มหนอง ผื่นวงแดง ผื่นจุดสีขาว คันตามจุดอับชื้น หรือเป็นผื่นคัน

6. โรคฉี่หนู

เป็นโรคระบาดที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่าเลปโตสไปรา ที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู วัว ควาย สุนัข แมว โดยคนสามารถรับเชื้อฉี่หนูนี้ได้ผ่านทางบาดแผล หรือผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงเยื่อเมือกอย่างตาและปากด้วย อาการของโรคฉี่หนูที่สังเกตได้ง่ายคือ ปวดศีรษะ มีไข้ เบื่ออาหาร ปาดเกร็งที่ขา อาจลุกลามไปถึงเยื่อบุตา และสมองอักเสบได้

7. โรคสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อีกหนึ่งอันตรายจากปรสิตในน้ำสงกรานต์ โดย นีเกลอเรีย เป็นอะมีบาที่พบในแหล่งน้ำจืด รวมถึงน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ป่วยมักได้รับเชื้อโดยบังเอิญจากการสำลักน้ำทางจมูก เชื้อจะเข้าสู่โพรงจมูกแล้วผ่านเข้าสู่สมอง ทำให้เกิดโรคสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการเบื้องต้นคือ มีไข้ คัดจมูกบ่อย ไม่รับกลิ่น ปวดศีรษะมาก คอแข็ง หลังแข็ง คลื่นไส้ อาเจียน ซึม ชัก และหมดสติ มักเสียชีวิตหลังจากเริ่มปรากฏอาการภายใน 7 วัน

8. ปอดบวม

เมื่อเราเล่นน้ำสงกรานต์ ร่างกายของเราจะเปียกอยู่ตลอดทั้งวัน และที่สำคัญคือต้องระวังการสำลักน้ำเข้าสู่ปอด ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการปอดบวมหรือปอดอักเสบได้

สรุป

ในช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานอย่างสงกรานต์นั้น มี โรคร้ายแฝงตัวอยู่ หากไม่ระวังตัวเอง และดูแลสุขภาพให้ดี ๆ แล้วละก็ เราอาจตกเป็นเหยื่อของโรคภัยที่แอบย่องมากับน้ำสงกรานต์ก็ได้ ดังนั้น เราไม่ควรเล่นน้ำนานเกินไป และเด็กไม่ควรเล่นน้ำเกิน 1 ชั่วโมง ให้เด็กเล็กดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ หลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัดในช่วงบ่าย ระวังไม่ให้น้ำสกปรกเข้าตา เข้าปาก หลังเล่นน้ำ รีบอาบน้ำสะอาด เช็ดตัวให้แห้ง เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำร่างกายให้อบอุ่น และพักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญอย่าลืมเล่นน้ำอย่างสุภาพพร้อมกับรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยที่งดงามไว้ด้วยนะคะ

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”

ร่วมแสดงความคิดเห็น