“ร่วมกัน” รองแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าฯ เชียงราย พร้อมจิตอาสา สร้างแนวกันไฟ ควบคุมเพลิงดอยจระเข้ จ.เชียงราย ไม่ให้ลุกลาม

หลังจากที่ได้เกิดไฟได้โหมลุกไหม้ป่าบนดอยจระเข้เขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางแล ดอยยาว และดอยพระบาท อ.แม่จัน จ.เชียงราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว ล่าสุดพบว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า อปท. และอาสาสมัครต่างเฝ้าระวัง วางแนวกันไฟอยู่โดยรอบดอยจระเข้ โดยเฉพาะฝั่งทิศตะวันออกด้าน ต.แม่จัน และฝั่งทิศตะวันตกทาง ต.ป่าตึง ที่ยังคงมีไฟลุกไหม้อยู่ตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะส่วนยอดเขา ที่เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินไม่สามารถเข้าไปดับได้ เพราะมีสภาพสูงชัน

เมื่อวันที่16 เมษายน 2562 พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ , นางวรรณดีราชชมพู นอภ.แม่จัน, พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายและแผนและการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.เชียงราย พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราช การจิตอาสา ประชาชนจิตอาสาทั้ง ชุดดับไฟป่า, หน่วยเสือไฟ ,พลเรือน ,ทหาร, ตำรวจ ผู้นำท้องที่ ,ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟ ในพื้นที่บนดอยจระเข้ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางแล ดอยยาว และดอยพระบาท อ.แม่จัน จ.เชียงราย และบริเวณโดยรอบ เพื่อจำกัดวงของไฟป่าที่ลุกไหม้ กั้นพื้นที่ป้องกันการลุกลามเข้าสู่เขตเมืองและชุมชน และเพื่อเปิดทางให้ชุดดับไฟป่าจากทุกหน่วยงาน ได้เข้าไปทำการดับไฟป่าในพื้นที่ดังกล่าว ให้เกิดเป็นผลสำเร็จโดยเร็ว

ประชาชนจิตอาสา และกำลังพลเข้าร่วมกิจกรรม ด้วยการจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า ในพื้นที่อ.แม่จัน เพื่อเป็นการพัฒนาสภาพแวดล้อมด้วยการดับไฟป่า และทำแนวกันไฟของ จ.เชียงราย ในครั้งนี้ ทำให้ประโยชน์เกิดความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจทำความดีในหมู่ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน นับเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี หล่อหลอมให้เกิดความรักและหวงแหนในทรัพยากรและสร้างสมดุลในสภาพแวดล้อมรวมถึงระบบนิเวศวิทยา

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ออกปฎิบัติหน้าที่ในการดับไฟป่าบนดอยจระเข้ จนถึงขณะนี้ไฟยังไม่ดับ ทุกหน่วยงานทางภาคพื้นดินและทางอากาศ เร่งช่วยดับไฟ โดยตั้งวอร์รูมดับไฟอยู่ที่ภายในวัดป่าตึง แต่การดับไฟเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากจุดที่เกิดไฟไหม้เป็นภูเขาสูงชัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงทรงให้ตั้งโรงครัวพระราชทานขึ้น เพื่อเลี้ยงเจ้าหน้าที่และจิตอาสาดับไฟป่า ที่ขึ้นไปปฎิบัติงาน ได้รับประทานกัน

ด้าน พล.ต.สัชฌาการ คุณยศยิ่ง ผบ.มทบ.37 และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงราย และนายภาษเดช หงส์ลาดรมภ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้วางแผนในการปฏิบัติการดับไฟป่า โดยมี ทหารจากกรมทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง ตำรวจภูธรแม่จัน ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ไฟป่าและอาสาสมัคร กว่า 1,500 คน พร้อมรถฉีดน้ำจาก อปท. เข้าดับไฟตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และส่งเฮลิคอปเตอร์ MI 17 จากกองบิน 41 กรมการบิน ศูนย์การบินทหารบก ทำการลำเลียงน้ำ ครั้งละ 3,500 ลิตร จากอ่างเก็บน้ำห้วยถ้ำเสือ ที่มีความลึกประมาณ 3-5 เมตร และจุดจอด MI 17 ที่บริเวณโรงเรียนบ้านผาตั้ง หมู่ที่ 5 ต.ป่าตึง ซึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ พร้อมประสานโรงพยาบาลแม่จัน ตั้งศูนย์รองรับกรณีมีผู้บาดเจ็บ

โดยพบว่าจุดที่รุนแรงที่สุดคือ อยู่ที่บริเวณสันดอยจระเข้ และบริเวณน้ำตกตาดทอง เขตหมู่บ้านป่าตึง ซึ่งทางพื้นได้มีการทำแนวกันไฟเอาไว้แล้ว จึงไม่น่าห่วงเรื่องไฟจะลามออกมา

การปฏิบัติการประชาชนจิตอาสาดับไฟป่า ด้วยการเข้าสนับสนุนการดับไฟป่าร่วมกับชุดปฏิบัติการศูนย์ บัญชา การเหตุการณ์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จ.เชียงราย และจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า และมีการจัดโรงครัวพระราชทาน เข้าสนับสนุนภารกิจของประชาชนจิตอาสาพระราชทานในครั้งนี้อีกด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า มีความปรองดอง สามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีความรัก ความผูกพัน ใน 4 สถาบันของชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน

โดยศูนย์อำนวยการใหญ่โครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ (ศอญ.) ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นศูนย์อำนวยการทำหน้าที่ประสานความร่วมมือทำงาน ระหว่างหน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ให้มีส่วนร่วมทำงานแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานของชาติ ให้คนในชาติ ในชุมชน มีความสุขอย่างยั่งยืน สนองพระราชปณิธานที่ว่า “รักษา สืบสาน ต่อยอด”

ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3

ร่วมแสดงความคิดเห็น