คนภาคเหนือชอบกินลาบ กรมควบคุมโรคเตือน เสียชีวิตแล้ว 12 ราย กลุ่มเสี่ยงพบมาก 65 ปี

จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 28 เม.ย. 62 มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 93 ราย เสียชีวิต 12 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คืออายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ 55-64 ปี และ 45-54 ปี ตามลําดับ ภาคที่พบมากที่สุดคือภาคเหนือ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ส่วนจังหวัดที่พบมากที่สุดคือ นครสวรรค์ รองลงมาคือ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และน่านโดยคาดว่าในช่วงนี้จะพบผู้ป่วย

โรคไข้หูดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยแวดล้อมและวัฒนธรรมการกินอาหาร จึงขอเตือนให้ประชาชนต้องระมัดระวังโรคไข้หูดับ โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือโรคไข้หูดับ ติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตา จากการกินเนื้อหมูดิบปรุงไม่สุกหรือเลือดหมูดิบ โดยเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อไม่กี่ชั่วโมงถึง 5 วัน อาการมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน ถ่ายเหลว คอเเข็ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ สูญเสียการได้ยิน ถึงขั้นหูหนวกถาวร ข้ออักเสบ เนื้อเยื่อใต้ผิวผนังติดเชื้อ รุนแรงถึงติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ กลุ่มที่เสี่ยงต่อ การเกิดอาการรุนแรงคือ เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ตับแข็ง และโรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้น หากมีอาการดังกล่าว ให้รีบพบแพทย์ และบอกประวัติการกินหมูดิบ เนื่องจากวินิจฉัยและรักษาเร็วจะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้
การป้องกันโรค คือหลีกเลี่ยงการกินเนื้อหมูดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ ให้กินหมูสุก ไม่ใส่เลือดดิบราดในอาหาร เลือกซื้อเนื้อหมูที่สด ไม่มีสีแดงคล้ําหรือมีเลือดคั่งมากๆ ผ่านร้านค้าที่มีใบรับรองการนําเนื้อสุกรจากโรงงานฆ่าสัตว์ที่มีมาตรฐาน ไม่กินเนื้อหมูที่ตายเอง สําหรับผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทํางานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชําและเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าหรือบู๊ทยาง สวมถุงมือ ใส่แว่นกันเลือดกระเด็นเข้าตา รวมถึงสวมเสื้อปกปิดมิดชิดระหว่างทํางาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับแมูทุกครั้ง สอบถาม เพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ร่วมแสดงความคิดเห็น