จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของมหกรรมพืชสวนโลก
ในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2549 และทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษาในปี 2550 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้ชื่อ “ราชพฤกษ์ 2549” ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึง 31 มกราคม 2550 รวม 92 วัน บนพื้นที่กว่า 468 ไร่ ซึ่งประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในเวทีระดับโลก

หลังงานมหกรรมสิ้นสุดลง คณะรัฐมนตรีมีมติในปี 2551 ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เข้าบริหารจัดการพื้นที่เดิม เพื่อพัฒนาสวนเฉลิมพระเกียรติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรและวัฒนธรรมของประเทศไทย และในปี 2553 สวนได้รับพระราชทานชื่ออย่างเป็นทางการว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” (Royal Park Rajapruek) อันหมายถึงสวนของพระมหากษัตริย์ โดยต้นราชพฤกษ์หรือคูนที่ได้รับการยกย่องเป็นดอกไม้ประจำชาติไทยยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถานที่แห่งนี้
ในฐานะจุดเด่นและศูนย์กลางของงานมหกรรม หอคำหลวงถูกสร้างขึ้นเพื่อนำเสนอพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้แนวคิด “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย” อาคารได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยทีมช่างสิบหมู่ล้านนา โดยเฉพาะ “ช่างรุ่ง จันตาบุญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมไทยล้านนา
รายละเอียดที่น่าชื่นชมในหอคำหลวง
ลักษณะตัวอาคาร: เป็นอาคารครึ่งไม้ครึ่งตึก 2 ชั้น พื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร โครงสร้างชั้นล่างเป็นอิฐถือปูน ส่วนชั้นบนใช้ไม้แดงและไม้สัก
จุดเด่นทางสถาปัตยกรรม: วิหารซด (หลังคา) มีลักษณะซ้อนเกยกันสามชั้น เสาหลวงไม้ขนาดใหญ่ และการใช้ลิ่มไม้ในการยึดโครงสร้างแทนตะปู
งานประดับตกแต่ง: ช่อฟ้า นาคทัณฑ์ หน้าบัน และกรอบประตูที่แกะสลักด้วยลวดลายอ่อนช้อยและปิดทองโดยช่างสิบหมู่จากหลายจังหวัดในภาคเหนือ

บริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยผลงานศิลปะอันน่าชื่นชม เช่น ปราสาทเฟื่องโคมไฟ พุ่มหม้อดอก และรูปปั้นช้างที่มีหลากหลายท่วงท่า ทุกชิ้นสะท้อนถึงความจงรักภักดีและความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทย
อุทยานหลวงราชพฤกษ์และหอคำหลวง จึงไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่จัดแสดงความงดงามทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย และศิลปกรรมล้านนาอันทรงคุณค่า ซึ่งยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่รอคอยให้ผู้คนได้มาสัมผัสด้วยตนเอง
ที่มา : https://www.royalparkrajapruek.org/About
https://web2012.hrdi.or.th/knowledge/detail/1774/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87/
https://www.royalparkrajapruek.org/
ร่วมแสดงความคิดเห็น