ล้านนาดินแดนแห่งอักษร สู่ศูนย์กลางวรรณกรรมแห่งอุษาคเนย์

“ล้านนา” ดินแดนกลางหุบเขาแห่งนี้ ไม่เพียงเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมอันรุ่มรวยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านตัวอักษรและวรรณกรรมที่ทรงอิทธิพลต่อภูมิภาคอุษาคเนย์อย่างยาวนาน

ล้านนาอาณาจักรแห่งตัวอักษรและศาสนา
อารยธรรมล้านนาให้ความสำคัญกับการบันทึกเรื่องราวและการส่งต่อภูมิปัญญาเป็นอย่างมาก ดังเห็นได้จากคัมภีร์และวรรณกรรมมากมายที่ถูกจารึกขึ้น ตั้งแต่ ชินกาลมาลีปกรณ์ โลกทีปนี มงคลัตถทีปนี ไปจนถึง ปัญญาสชาดก อันเป็นต้นธารของวรรณคดีไทยและเพื่อนบ้าน เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ สังข์ศิลป์ชัย มโนราห์ และ สังข์ทอง

นอกจากนี้ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกในดินแดนไทยก็กระทำขึ้นที่ วัดเจ็ดยอด เมืองเชียงใหม่ ในรัชสมัยของพระเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 11 ซึ่งเป็นยุคทองของวรรณกรรมและการศึกษาภาษาบาลี ในยุคโบราณ ‘วิชาความรู้’ ที่สำคัญที่สุดคือศาสนา การอ่านออกเขียนได้จึงหมายถึงการอ่านและเขียนภาษาบาลีเป็นหลัก ภาษานี้จึงทำหน้าที่เป็นภาษาวิชาการของภูมิภาคอุษาคเนย์ คล้ายกับที่ภาษาละตินเคยเป็นภาษาทางปัญญาของโลกตะวันตก

สงครามศาสนา สู่ความรุ่งเรืองทางปัญญา
การที่ล้านนากลายเป็นศูนย์กลางแห่งปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ย้อนกลับไปในสมัยพญากือนา แห่งล้านนา และพญาลิไท แห่งสุโขทัย ทั้งสองอาณาจักรทำสงครามแย่งชิงเมืองตาก จนสุดท้ายล้านนาได้รับชัยชนะ

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะยึดครองเพียงอาณาเขต พญากือนาได้ขอ “บิณฑบาต” ภูมิปัญญาศาสนาพุทธจากสุโขทัยมาแลกกับเมืองตาก นำไปสู่การอัญเชิญ พระมหาสุมนเถระ พร้อมพระไตรปิฎก และพระบรมสารีริกธาตุ (ปัจจุบันบรรจุอยู่ที่พระธาตุดอยสุเทพ) มาสู่ล้านนา

เหตุการณ์นี้ทำให้เชียงใหม่กลายเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธที่สำคัญ และนำไปสู่การกำเนิดของนิกายสวนดอกและนิกายป่าแดง ซึ่งแข่งขันกันศึกษาธรรมะ ตีความคำสอน และแต่งตำราวิชาการศาสนา จนถึงขั้นเปิดเวทีถกเถียงเชิงวิชาการกลางแม่น้ำ นำไปสู่การสังคายนาพระไตรปิฎก

จากอดีตสู่ปัจจุบัน ความพยายามกลืนล้านนา และมรดกที่ยังอยู่
ในช่วงที่สยามรวมล้านนาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร ได้มีความพยายามลดทอนอัตลักษณ์ของล้านนาด้วยการเผาคัมภีร์ที่เขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา และส่งเสริมให้ประชาชนเลิกใช้ “ตัวเมือง” แล้วเปลี่ยนมาใช้ “ตัวไทย” แทน
แม้จะยายามกลืนวัฒนธรรมล้านนา แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากยังคงเหลือรอด คัมภีร์ใบลานและพับสาหลายหมื่นฉบับยังคงอยู่ ทั้งในพื้นที่ล้านนาและที่เผยแพร่โดยสถาบันวิชาการนานาชาติ เช่น DNLTM ของเยอรมนี และ EFEO ของฝรั่งเศส

ล้านนาในวันนี้มรดกที่รอการศึกษา
แม้ล้านนาจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ร่องรอยของความเป็นศูนย์กลางปัญญาแห่งอุษาคเนย์ยังคงอยู่ ทุกวันนี้มีความพยายามในการฟื้นฟูการเรียนรู้ตัวอักษรธรรมล้านนาและศึกษาวรรณกรรมโบราณเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจรากเหง้าของตนเอง

ล้านนาไม่ได้เป็นเพียงดินแดนที่งดงามด้วยวัฒนธรรมและประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นอาณาจักรแห่งปัญญาที่สร้างรากฐานให้กับอารยธรรมไทยและเพื่อนบ้านมาตลอดหลายศตวรรษ การอนุรักษ์และสืบทอดมรดกนี้คือภารกิจของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ความรุ่งเรืองทางปัญญาของล้านนาไม่สูญหายไปกับกาลเวลา

ที่มา : https://www.the101.world/lanna-history-1/  , https://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2544/ci0544sp_ch1.pdf

รูปภาพจาก : https://www.navanurak.in.th/musemultilanguage/index/application/detail_manu.php?obj_refcode=D001

ร่วมแสดงความคิดเห็น