“การแพทย์ตะวันตกในเชียงใหม่” กว่าจะเป็นโรงพยาบาลแมคคอร์มิค

หลังจากมิชชันนารีจากคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนได้เริ่มเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสยาม พวกเขาได้ขยายงานมายังหัวเมืองล้านนา โดยเฉพาะในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งศาสนาจารย์แดเนียล แมคกิลวารี (Rev. Daniel Mc Gilvary) ได้แสดงความประสงค์ขออนุญาตพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ เพื่อเข้ามาทำงานเผยแพร่คริสต์ศาสนาและตั้งมิชชันนารีในเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์เห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ท้องถิ่น จึงทรงอนุมัติให้ดำเนินการได้ โดยมุ่งหวังในการเผยแพร่ศาสนา การจัดตั้งโรงเรียน และการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่

ในปี พ.ศ. 2410 ศาสนาจารย์แมคกิลวารีและภรรยาของเขา นางโซเฟีย แมคกิลวารี ได้เดินทางมาถึงเชียงใหม่และพักอาศัยในศาลาย่าแสงคำซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางหลักของชุมชนจากที่นี่พวกเขาสามารถเผยแพร่คริสต์ศาสนาให้กับชาวบ้านและเริ่มให้คำปรึกษาและรักษาผู้ป่วยได้ อย่างไรก็ตามในช่วงแรกพวกเขาประสบปัญหาด้านการรักษาผู้ป่วยที่ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงมีความจำเป็นต้องขอให้แพทย์เข้ามารับผิดชอบงานนี้

ในปี พ.ศ. 2425 คณะมิชชันนารีจากสหรัฐอเมริกาได้ส่งนายแพทย์ชาร์ล วรูแมน เข้ามาเป็นแพทย์มิชชันนารีคนแรกในเชียงใหม่ ทำให้การแพทย์ตะวันตกเริ่มเป็นที่รู้จักและมีความสำคัญในหมู่ชาวล้านนา นอกจากนี้ยังมีแพทย์คนอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยพัฒนาโรงพยาบาลต่อมา เช่น นายแพทย์แมเรียน เอ ชีค และนายแพทย์เอ.เอ็ม.แครี่ ในช่วงเวลานั้น การแพทย์ตะวันตกเริ่มมีบทบาทในเชียงใหม่ผ่านการขายยาสามัญราคาถูกและการให้บริการการรักษาแบบกึ่งการกุศล

ในปี พ.ศ. 2431 โรงพยาบาลอเมริกันมิชชั่นได้เปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยและผ่าตัดและเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ในสยามและโรงพยาบาลแรกในภาคเหนือ ต่อมาในปี พ.ศ. 2433 เมื่อ นายแพทย์เจมส์ ดับบลิว แมคเคน เข้ามารับผิดชอบงาน เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น การผลิตหนองฝีเพื่อป้องกันโรคฝีดาษ และการนำเครื่องทำยาเม็ดควีนินมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อต่อสู้กับโรคไข้มาลาเรีย

เมื่อโรงพยาบาลอเมริกันมิชชั่นเริ่มมีผู้ป่วยจำนวนมาก นายแพทย์เอ็ดวิน ซี.คอร์ท ได้เข้ามารับผิดชอบ และมีแนวคิดในการสร้างโรงพยาบาลใหม่ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากเงินบริจาคของ Mrs. Nettic Fowler McComick ภรรยาของนาย Cyrus Hall McCormick และการสนับสนุนจากชาวเชียงใหม่ รวมถึงบริษัทบอร์เนียวจำกัดที่บริจาคที่ดินให้ โรงพยาบาลแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นที่บ้านหนองเส้ง โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี

โรงพยาบาลใหม่ที่สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2467 มีชื่อว่า “โรงพยาบาลแมคคอร์มิค” เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mrs. Nettic Fowler McComick และได้มีพิธีเปิดโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการโดยมีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ เป็นประธานในพิธี โรงพยาบาลแมคคอร์มิคถือเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในเชียงใหม่และภูมิภาคในขณะนั้น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลไทยได้เข้าควบคุมกิจการของโรงพยาบาลและเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลเสรีเริงฤทธิ์” เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม แต่เมื่อสงครามสงบลง รัฐบาลได้ส่งมอบโรงพยาบาลคืนให้กับคณะมิชชันนารีเพรสไบทีเรียน ซึ่งใช้ชื่อ “โรงพยาบาลแมคคอร์มิค” ต่อไป

แหล่งข้อมูล หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ https://www.finearts.go.th/chiangmaiarchives/view/30209-

ร่วมแสดงความคิดเห็น