“พิธีตั้งขัน” มรดกศรัทธาและขนบธรรมเนียมแห่งล้านนา

เมื่อเอ่ยถึงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของชาวล้านนา “พิธีตั้งขัน” เป็นหนึ่งในประเพณีที่มีความสำคัญและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นสัญลักษณ์ของการเคารพบูชาครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเทพเทวาที่คุ้มครองปกปักรักษาผู้คนในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การเริ่มต้นก่อสร้างบ้านเรือน ไปจนถึงพิธีกรรมสำคัญในวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานมงคลหรืออวมงคล

การตั้งขันไม่ใช่เพียงแค่การจัดเตรียมสิ่งของเพื่อบูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นพิธีกรรมที่มีความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความเชื่อและจิตวิญญาณของชาวล้านนา ขันตั้ง หรือ ขันครู เป็นเครื่องสักการะที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความเคารพและขอพรจากครูบาอาจารย์ เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้พิธีกรรมต่างๆ เป็นไปโดยราบรื่น ปราศจากอุปสรรค และนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ผู้กระทำพิธี

ในอดีต เมื่อช่างไม้หรือสล่าจะเริ่มต้นปลูกสร้างบ้าน ช่างจะต้องทำพิธีตั้งขันขึ้นเพื่อเป็นการขออนุญาตจากครูช่างหรือเทพผู้ดูแลสถานที่ โดยขันตั้งนี้จะประกอบไปด้วยสวยหมาก 12 สวยพลู 12 สวยดอก 12 ข้าวเปลือกหมื่นข้าวสารพัน หมาก 1 หัว พลู 1 มัด ผ้าขาว ผ้าแดง เหล้า 1 ขวด และเงินจำนวนหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้จะถูกจัดวางไว้ในภาชนะ เช่น กะละมัง หรือโอขนาดใหญ่ แล้วนำไปแขวนไว้ที่เรือนพักของเจ้าของบ้าน หลังจากเสร็จพิธีแล้ว เชื่อกันว่าการก่อสร้างบ้านจะเป็นไปโดยราบรื่น ไม่มีอุปสรรค

ขันตั้งในพิธีกรรมล้านนามีหลายประเภท และสามารถปรับเปลี่ยนตามจุดประสงค์ของแต่ละพิธีกรรมได้ สิ่งของที่ใช้ในขันตั้งจะแตกต่างกันออกไปตามระดับของพิธีและฐานะของผู้ประกอบพิธี แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีดอกไม้ ธูป เทียน หมาก พลู และเครื่องบูชาต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพต่อครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขันตั้งสามารถใช้ได้ทั้งในงานมงคล เช่น การขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน การทำขวัญนาค และงานอวมงคล เช่น งานศพ

ขันครูสามารถแบ่งออกเป็นขันครูชั่วคราวและขันครูถาวร ขันครูชั่วคราวเป็นขันที่ใช้ในพิธีกรรมเฉพาะครั้ง เมื่องานเสร็จสิ้นแล้วจะต้องมีการ “ปลดขันตั้ง” หรือทำพิธีลาขัน ซึ่งหมายถึงการคืนพลังงานและอำนาจของขันครูให้กลับไปยังครูบาอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนขันครูถาวรนั้นเป็นขันที่ต้องตั้งไว้บูชาตลอดทั้งปี สำหรับผู้ที่ศึกษาวิชาหรือคาถาอาคม ขันครูประเภทนี้จะต้องได้รับการดูแลอย่างดี และมีการเปลี่ยนใหม่เป็นประจำ เช่น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือวันพญาวัน ซึ่งเป็นวันเถลิงศกของล้านนา

ขันครูยังสามารถแบ่งออกเป็นขันน้อยและขันหลวง ขันน้อยเป็นขันที่ใช้สำหรับการบูชาธรรมดา มีจำนวนสิ่งของในขันตั้งแต่ 5 ชิ้นขึ้นไป เช่น ขัน 5 ขัน 8 ขัน 12 และขัน 32 โดยแต่ละขันมีความหมายเฉพาะ เช่น ขัน 5 หมายถึงศีล 5 ขัน 8 หมายถึงศีล 8 ขัน 12 ใช้สำหรับบูชาครูอาจารย์ ส่วนขัน 32 นั้นเป็นขันใหญ่ที่ใช้บูชาเทวดาทั้งสามโลก

สำหรับขันหลวงหรือขันเครื่องใหญ่ เป็นขันที่ใช้ในพิธีสำคัญ เช่น ขัน 108 ขัน 109 ขัน 227 และขัน 1000 ซึ่งใช้ในพิธีกรรมที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูง เช่น การต่อเศียรพระ ต่อยอดพระเจดีย์ หรืองานพิธีของเจ้าเมืองและพระมหากษัตริย์ ขันตั้งระดับนี้จะมีเครื่องบูชาที่ซับซ้อนขึ้น เช่น หมากสาย 130 สาย หมากขด 108 ขด กรวยดอกไม้ 108 กรวย ผ้าขาวผ้าแดงอย่างละ 1 วา เงิน 108 บาท และเครื่องบูชาอื่นๆ อีกมากมาย

ขันครูเป็นสิ่งที่ต้องให้ความเคารพอย่างสูงสุด เมื่อมีการตั้งขันแล้ว ห้ามเคลื่อนย้ายโดยไม่จำเป็น ขันครูต้องตั้งไว้ที่สูงสุดของบ้าน หากต้องการย้ายขันครู จะต้องห่อด้วยผ้าขาวก่อนทุกครั้ง มิฉะนั้นอาจเกิดอาถรรพ์ได้ เชื่อกันว่าหากไม่มีขันครู การประกอบพิธีกรรมต่างๆ อาจไม่สัมฤทธิ์ผล หรือหากเป็นผู้เรียนคาถาอาคม อาจเกิดของเข้าตัวจนถึงแก่ชีวิตได้

ความสำคัญของพิธีตั้งขันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในแง่ของพิธีกรรมทางศาสนา แต่ยังเป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ วิญญาณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น การตั้งขันเป็นการประกาศถึงความเคารพในภูมิปัญญาและครูบาอาจารย์ เป็นเครื่องหมายของความกตัญญู และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่พิธีตั้งขันยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวล้านนา ในยุคปัจจุบัน พิธีกรรมนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในงานบุญต่างๆ โดยเฉพาะในงานพิธีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและการบูชาครู แม้ว่าในบางพื้นที่ พิธีกรรมนี้อาจถูกลดทอนหรือเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่แก่นแท้ของพิธีตั้งขันยังคงอยู่ นั่นคือ การแสดงออกถึงความเคารพ ความศรัทธา และความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองชีวิตของมนุษย์

พิธีตั้งขันไม่เพียงแต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความเชื่อของชาวล้านนาเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงจิตวิญญาณของผู้คนที่ผูกพันกับศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอย่างยาวนาน พิธีกรรมนี้คือหลักฐานของความศรัทธาและความเคารพต่อบรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ และธรรมชาติ ซึ่งจะยังคงสืบทอดต่อไปในสังคมล้านนา แม้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็ตาม

ที่มา : https://lannainfo.library.cmu.ac.th/lannatradition/Plukruean-4SacrificeBowl.php , http://m-culture.in.th/album/view/150180/

รูปภาพจาก : https://lannainfo.library.cmu.ac.th/lannatradition/images/PlukRuean005_resize.jpg

ร่วมแสดงความคิดเห็น