พักหนี้ 3 ปี ทั้งต้น ทั้งดอก ช่วยปี้น้องเกษตรกรไทยได้หรือไม่?

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ประเทศไทยกำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหาร ทำให้หลายฝ่ายต่างจับตารอดูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะ “นโยบายพักหนี้เกษตรกร” ที่พี่น้องชาวไร่ชาวนาให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะที่ทางธนาคารได้เตรียมพร้อมในการรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดของลูกหนี้ทุกกลุ่ม และได้รับการประสานงานกับทางกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อย แต่จะต้องรอรายละเอียดนโยบาย ภายหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกที

ด้วยแนวคิดนโยบายที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายแก่เกษตรกร ด้วยการพักหนี้ทั้งต้น ทั้งดอก เป็นระยะเวลา 3 ปี ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์หลายท่าน มองว่า นโยบายนี้อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากเท่าใดนัก 

จากงานศึกษาเชิงประจักษ์ โดย 101 Pub สำนักข่าว 101 world โดยอ้างอิงข้อมูลปริมาณสินเชื่อของเกษตรกรในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) พบว่า หากรัฐต้องการพักหนี้และช่วยเหลือภาระดอกเบี้ยเกษตรกรชั่วคราว โดยให้สิทธิแก่ทุกคนโดยอัตโนมัติอย่างไม่มีเพดานวงเงิน รัฐจะต้องจัดสรรเงินชดเชยแก่ ธกส. 30,000 – 60,000 ล้านบาทต่อปี 

รวมทั้งอาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเงินกู้ 

นอกจากนี้งานศึกษาดังกล่าวยังพบอีกว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2564 กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3-4 ต่อปี การพักหนี้เป็นระยะเวลานาน มีแนวโน้มทำให้ชำระหนี้ตรงเวลาน้อยลง ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินของเกษตรกรในอนาคต

ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายพักหนี้เกษตรกร รวมไปถึงนโยบายประชานิยมต่างๆ ว่า ปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับนโยบายที่ไม่บั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน เห็นได้จากกรณีการปรับลดความเชื่อมั่นของสหรัฐอเมริกา จากปัญหาเสถียรภาพทางการคลังเป็นต้น

“สิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลใหม่ คือไม่อยากเห็นการทำนโยบายที่ไปบั่นทอนเสถียรภาพ เข้าใจว่ารัฐบาลใหม่คงต้องมีนโยบายแนวประชานิยมบ้าง ถ้ายังอยู่ในกรอบ ไม่มากเกินไป มีวิธีหาเงินมารองรับที่ชัดเจนก็โอเค แต่ถ้ามากไปก็น่าห่วง” ผู้ว่าฯ ธปท. ได้กล่าวถึงภายในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย 

เพราะฉะนั้นแล้ว การกำหนดนโยบายต่างๆเพื่อช่วยเหลือประชาชน จึงต้องจำเป็นที่จะรอบคอบมากขึ้น และคำนึงถึงสถานภาพทางการคลัง เพื่อให้ประเทศไม่เผชิญภาระทางการเงิน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อประชาชนทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : พรรคเพื่อไทย , 101 World , The Standard , ประชาชาติธุรกิจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น