ข่าวปลอม! คลังมีงบจ่ายเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างได้อีกไม่เกิน 3 เดือน
วันที่ 18 ก.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องคลังมีงบจ่ายเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการโพสต์โดยระบุว่า เงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างทั้งประเทศ จ่ายต่อได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงว่า ข้อความข้างต้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรค่าใช้จ่ายเงินเดือน และค่าจ้างของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี ทั้งนี้เงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง เพียงพอเพื่อรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการ และลูกจ้างด้วย นอกจากนี้รัฐบาลยังคงมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรหรือรายได้อื่น ๆ เพื่อนำมาใช้จ่ายในการบริหารประเทศได้ตามปกติ
โดยโฆษกกระทรวงการคลังก็ได้ยืนยันว่า กระทรวงการคลังยังมีแหล่งเงินที่เพียงพอ เพื่อรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานภาครัฐ และดำเนินนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งประชาชนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวแถลงกระทรวงการคลังฉบับที่ 100/2563 ได้ที่ https://bit.ly/32n1dJ4
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fpo.go.th หรือโทร. 02 2739020
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : รัฐบาลมีการจัดสรรค่าใช้จ่ายเงินเดือน และค่าจ้างของบุคลากรภาครัฐไว้อย่างเพียงพอ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี อีกทั้งปัจจุบันเงินคงคลังยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง เพียงพอ รองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐซึ่งรวมถึงเงินเดือนข้าราชการ และลูกจ้าง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
ร่วมแสดงความคิดเห็น