กองทัพอากาศเมียนมาแค้นหนักหลังเครื่องบินขับไล่ถูกฝ่ายกะเหรี่ยงคาเรนนี สอยร่วง ส่งเครื่องบินมาโจมตีฝ่ายคาเรนนี อย่างหนัก ด้านกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนีเตรียมแผนเผด็จศึกทหารเมียนมาที่เหลือในผาซองในเร็วๆ นี้
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงกองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่ากรณีที่ทางฝ่ายทหารคาเรนนี ได้มีการยิงเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศเมียนมา เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 14.00 น. กองทัพอากาศเมียนมาได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ รุ่น FTC-2000 G จำนวน 4 ลำมาทิ้งระเบิดโจมตีทหารคาเรนนีใกล้กับค่าย พัน.ร.135 ซึ่งในการโจมตีทางอากาศดังกล่าวของฝูงบินกองทัพอากาศเมียนมาในขณะนั้น ได้มีเครื่องบิน 2 ลำบินในระดับต่ำ ทางด้าน กองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี ได้ใช้ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 0.50 คาลิเบอร์ ที่เตรียมไว้จำนวน 5 กระบอก ทำการยิงเครื่องบินทหารเมียนมาและพบว่ามีเครื่องบินลำหนึ่งมีอาการเสียการทรงตัวและบินหายไป ทางกองทัพกะหรี่ยงคาเรนนี จึงได้สั่งให้ กองกำลังป้องกันแห่งชาติคาเรนนี / KNDF จัดกำลังพลออกติดตามค้นหาจนพบในที่สุด
สถานการณ์ล่าสุดเมื่อห้วงเวลา 20.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา กองทัพอากาศเมียนมาได้มีการส่งเครื่องบินมาโจมตีกองทหารคาเรนนี ที่ควบคุมพื้นที่เมืองผาซองและปิดล้อมฐานที่มั่นทหารเมียนมากองพันทหารราบที่ 135 ซึ่งมีกองทหารเมียนมาอีก 2 กองพันอาศัยร่วมอยู่ ได้แก่ กองพัน ที่ 1 และ กองพันที่ 14 โดยทั้ง 2 กองพัน อดีตเคยประจำการอยู่ที่ฐานดอยค่ายป่าตึง สังกัดพล.ร.เบาที่ 66 แต่ได้ถูกฝ่ายคาเรนนี ตีแตกพ่ายและหนีมาอยู่กับกองพันทหารราบที่ 135 เมืองผาซอง
การโจมตีของกองทัพอากาศเมียนมาต่อทหารคาเรนนี ยังคงมีการโจมตีอย่างหนัก หลังเครื่องบินตกไป 1 ลำ โดยเมื่อวาน ( 3 ก.ค.68 ) กองทัพอากาศเมียนมาได้ส่งเครื่องบินแบบ FTC-2000 G จำนวน 4 ลำ บินมาโจมตีทิ้งระเบิดต่อทหารคาเรนนี แต่ในการโจมตีดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อทหารคาเรนนี เนื่องจากเครื่องบิน บินสูงมากและทิ้งระเบิดพลาดเป้าหมายทั้งหมดและระเบิดได้ตกในเทือกเขาด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองผาซอง
สำหรับค่ายของกองพันทหารราบที่ 134 ที่ทางฝ่ายทหารคาเรนนียึดได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา พบว่า ในค่ายดังกล่าวมีอาวุธและกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก ทั้งอาวุธหนัก ค. 120 มม. , ค. 81 มม. , ค.60 มม., จรวด RPG , ปืนกลหนัก และเครื่องตัดสัญญานโดรน โดยทหารเมียนมากองพันดังกล่าวถูกจับเป็นเชลยกว่า 30 นาย และอีกประมาณ 40 นาย ได้หลบหนีไปอยู่กับทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่ 135 ซึ่งกำลังจะเป็นเป้าหมายต่อไปในการเข้ากวาดล้างจาก ฝ่ายทหารกะเหรี่ยงคาเรนนีในเร็ว ๆ นี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น