ปศุสัตว์ลงพื้นที่เวียงหนองหล่ม หาสาเหตุควายล้มตายต่อเนื่อง 245 ตัว ยังยืนยันภาวะขาดอาหาร ด้าน รมช.เกษตรฯ บินตรวจพรุ่งนี้

วันที่ 13 พ.ย. 67 จากกรณีควายที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ ได้ล้มตายไปกว่า 245 ตัว ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน จนชาวบ้านหวั่นเกิดจากโรคระบาดสัตว์ อยากให้ผู้เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบ จนกระทั่งวันนี้ นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จ.เชียงราย ได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำสาธารณะครอบคลุมเขตติดต่อ ต.จันจว้า ต.จันจว้าใต้ ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน และ ต.โยนก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลังจากเกิดสถานการณ์กระบือหรือควายที่เกษตรกรเลี้ยงเอาไว้ป่วย และตายแล้วอย่างน้อย 245 ตัว ตั้งแต่เดือน ก.ย. ถึง พ.ย.นี้ และทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จ.ลำปาง ได้ตรวจตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่พบโรคระบาดที่ชัดเจน พบเพียงภาวะเลือดจาง ตับวาย มีพยาธิในกระเพาะอาหาร ฯลฯ จึงสันนิษฐานว่าเกิดจากการขาดแคลนอาหารและแมลง เพราะเกิดภาวะภัยแล้งต่อด้วยน้ำท่วม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดตามปางควายต่างๆ เจาะเลือดตัวอย่างควายไปตรวจ ฯลฯ ขณะที่นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีกำหนดเดินทางไปตรวจสถานการณ์ถึงพื้นที่เวียงหนองหล่ม ในช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย.นี้ด้วย

นายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวว่าเวียงหนองหล่ม มีพื้นที่เลี้ยงควายประมาณ 3 ปาง เกษตรกร 51 ราย ควายเกือบ 2,000 ตัว เมื่อมีการขุดลอกพื้นที่จึงทำให้ควายไม่มีแหล่งอาหารและระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไป เพราะพื้นที่หญ้ากลายเป็นจุดที่ถูกขุดลอก ดังนั้นตั้งแต่ปี 2565 ทางปศุสัตว์ ชลประทาน เทศบาล ต.จันจว้า ฯลฯ จึงได้ดำเนินโครงการต่างๆ เข้าสนับสนุนหญ้าแห้งเป็นอาหารสัตว์ ฉีดวัคซีน ฯลฯ แต่ปี 2567 พบว่าเกิดน้ำท่วมอีก ทำให้ยิ่งเกิดภาวะขาดแคลนอาหารสัตว์มากขึ้น ดังนั้นครั้งนี้จึงเข้าไปเก็บตัวอย่างและเจาะเลือดควายไปตรวจเพิ่มเติมอีกรอบ หลังจากตรวจรอบแรกแล้วไม่พบว่าเป็นโรคระบาด โดยพบเพียงพยาธิในทางเดินอาหาร เพื่อรักษาสัตว์ การถ่ายพยาธิและให้ยาบำรุงต่างๆ รวมทั้งติดตามฝูงควายทั้งหมดต่อไป

นายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวอีกว่ายืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจโดยเข้าไปติดตามช่วยเหลือเกษตรกรตั้งแต่เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารตั้งแต่ปี 2565-2567 แต่ปีนี้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารหนัก ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงกำลังร่วมมือกันเข้าไปแก้ไขปัญหา สำหรับควายที่ป่วยแต่ละตัวก็จะเข้าไปรักษาเป็นรายเฉพาะตัวไป โดยทางอธิบดีกรมปศุสัตว์จะได้ส่งหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ไปยังเวียงหนองหล่มเพื่อทำการรักษาทุกตัว โดยเราจะปักหลักอยู่ที่เวียงหนองหล่มเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจนกว่าจะสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ตามหลักวิชาการมีความจำเป็นต้องกักสัตว์ แต่สภาพพื้นที่กว้างจึงควบคุมไม่ให้คนเข้าออกเท่านั้น รวมทั้งมีการทำความสะอาดโดยด่านกักกันสัตว์เชียงรายเข้าพ่นยาทั่วพื้นที่ ซึ่งอาจจะนานเป็นเดือน ควบคู่การให้อาหารสัตว์ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น