เมื่อวันที่ 18-21 มิ.ย. 68 ได้มีการจัดประชุมชี้แจงข้อมูลโครงการและรับฟังความคิดเห็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง( Pak Beng HPP) โดยโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว อยู่ห่างจากพรมแดนไทยที่ อ.เวียงแก่น ประมาณ 97 กม. โดยการจัดประชุมชี้แจงครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความคืบหน้าโครงการและผลการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน ให้แก่ชาวบ้าน 8 หมู่บ้านริมแม่น้ำโขง กลุ่มนักวิชาการอิสระในพื้นที่ กลุ่มรักษ์เชียงของ หน่วยงานราชการระดับอำเภอ หน่วยงานท้องถิ่น ผู้แทนโรงเรียนริมแม่น้ำโขง อ.เวียงแก่น และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย สื่อมวลชน รวมทั้ง 8 หมู่บ้าน จำนวน 500 คน

ดร.วรวิทย์ ผดุงบวรศิลป์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ บริษัท ปากแบง พาวเวอร์ จำกัด (ผู้พัฒนาโครงการ) กล่าวว่าโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นเขื่อนแบบทดน้ำ (run off river) โครงการจะควบคุมอัตราการไหลของน้ำท้ายน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและต่อเนื่อง โดยยึดหลักการให้น้ำไหลเข้าเท่ากับน้ำไหลออก (Inflow = Outflow) เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ระบบเศรษฐกิจสังคมของประเทศต่างๆที่อยู่ริมน้ำในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม และโครงการได้ให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (TbEIA) และผลกระทบสะสม (CIA) โดยดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนด้านเหนือน้ำและท้ายน้ำ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม โครงการตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง ห่างจากเมืองปากแบ่งขึ้นไปทางเหนือน้ำประมาณ 15 กิโลเมตร ภายในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระดับน้ำกักเก็บด้านเหนือเขื่อนจะอยู่ที่ 340 เมตร ในฤดูน้ำหลาก และ 335 เมตร ในฤดูแล้ง จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นระดับที่ออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพอุทกวิทยาธรรมชาติของพื้นที่
โครงสร้างของเขื่อนประกอบด้วยประตูระบายน้ำ และประตูระบายตะกอน (ช่องระบายน้ำระดับต่ำ) เพื่อให้ตะกอนไหลไปได้อย่างรวดเร็ว กังหันผลิตไฟฟ้า 16 ตัว เขื่อนอยู่บนแม่น้ำโขง ซึ่งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC) กำหนดให้มีช่องทางเดินเรือ และทางผ่านปลา มีกังหันผลิตไฟฟ้าที่ออกแบบให้ปลาผ่านได้อย่างปลอดภัยที่สุด มีระเบียงปลา วางแผนจะก่อสร้างหน้าแล้งนี้ ตุลาคม 2568

ด้านการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน คุณเยาวภา ชูวงศ์ ผู้บริหารโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่งแอนด์แมนเนจเมนท์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการได้ดำเนินการศึกษาผลผกระทบข้ามพรมแดน ตามแนวทางของ MRC ซึ่งบอกไว้เลยว่าทำอย่างไร ต้องมีข้อมูลพื้นฐานที่เพียงพอและประเมินออกมาว่าจะมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อย่างไรบ้าง เมื่อรู้แล้วก็ต้องกำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขเพื่อลดผลกระทบนั้นๆ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานที่รัฐบาลลาวให้กับโครงการ และอยู่ในเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ และต้องมีการติดตามตรวจสอบอย่าต่อเนื่อง และจากผลการศึกษาแบบจำลองคณิตศาสตร์ที่แสดงว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นจากระดับน้ำตามธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย คือจากผาไดถึงบ้านดอนมหาวัน ประมาณ 10 กม. จากนั้นระดับน้ำจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ด้านการมีส่วนร่วมโครงการได้มีการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง ตามกระบวนการ PNPCA ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันโครงการมีแผนลงสำรวจข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม ร่วมการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งจะดำเนินการลงพื้นที่ศึกษาภายหลังการประชุมชี้แจงแล้วเสร็จ

ประเด็นข้อห่วงกังวลจากชาวบ้าน คือ กังวลเรื่องระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะเพิ่มสูงขึ้นภายหลังการมีเขื่อน และจะกระทบพื้นที่ทำกินหรือไม่ กังวลว่าน้ำจะเท้อเข้าลำน้ำสาขา กระทบพื้นที่เกษตร หากกระทบทางโครงการมีการชดเชยเยียวยาอย่างไร ใครเป็นผู้พิจารณาการชดเชย ผู้พัฒนาโครงการมีแผนฟื้นฟูอาชีพหรือสร้างอาชีพให้ชาวบ้านแก่ชาวบ้านที่ไม่สามารถเก็บไก หรือประกอบอาชีพประมง อย่างไรบ้าง
ภายหลังการประชุมทางผู้พัฒนาโครงการ ได้รับทราบข้อห่วงกังวลจากชาวบ้าน จึงลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ส่วนส้มโอของชาวบ้านในลำน้ำงาว เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเกษตรผู้ปลูกสวนส้มโอ เพื่อเก็บข้อมูลและศึกษาระดับน้ำในลำน้ำสาขาต่อไป ซึ่งทำให้เกษตรกรสวนส้มโอได้คลายความกังวลลง ในอนาคตผู้พัฒนาโครงการมีแผนจะมาชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าและผลการศึกษา ร่วมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากชาวบ้าน อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ตลอดระยะเวลาพัฒนาโครงการ 29 ปี


ร่วมแสดงความคิดเห็น