หน่วยภาคีร่วมสกัดเบนซิล ไซยาไนต์ 25,020 กิโลกรัม

ป.ป.ส. เผย หน่วยภาคีร่วมสกัดเบนซิล ไซยาไนต์ 25,020 กิโลกรัม คาดหากใช้ผลิตยาบ้าได้กว่า 590 ล้านเม็ด ไอซ์กว่า 11,800 กิโลกรัม ชี้นโยบายรัฐสั่งคุมเข้มส่งออกสารเคมี พร้อมประสานประเทศต่างๆ ร่วมเฝ้าระวัง

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกับกรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตรวจยึดสารเบนซิลไซยาไนด์ 25,020 กิโลกรัม ที่ด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนถูกส่งเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เผยสารเคมีดังกล่าว สามารถนำไปใช้ในกระบวนการผลิตเป็นสารตั้งต้น P2P ซึ่งใช้ผลิตยาเสพติดในกลุ่มเมทแอมเฟตามีน (ไอซ์และยาบ้า) ได้ ในปริมาณนี้หากหลุดรอดเข้าไปยังแหล่งผลิต จะสามารถผลิตไอซ์ได้มากถึง 11,800 กิโลกรัม หรือยาบ้า 590 ล้านเม็ด

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากร สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตรวจสอบสินค้าผ่านแดนในตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทขนส่งเอกชนระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง พบเอกสารสำแดงระบุว่าสารเบนซิลไซยาไนด์ (Benzyl Cyanide) รวมน้ำหนัก 25,020 กิโลกรัม ซึ่งเป็นสารเคมีควบคุมพิเศษตามกฎหมายของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากห้วงที่ผ่านมา ปรากฏข้อมูลว่า สารเคมีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติดได้ จึงได้ทำการอายัดสารเคมีดังกล่าวไว้ เพื่อตรวจสอบตามขั้นตอนโดยละเอียด

ต่อมาตรวจสอบพบว่า สารเคมีดังกล่าว ผู้ซื้อเป็นบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศจีน สั่งซื้อมาจากบริษัท ผู้จำหน่ายรายหนึ่งในประเทศอินเดีย ก่อนขนส่งทางเรือนำเข้าประเทศไทยที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จากนั้นขนส่งทางรถบรรทุกมายังด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อเตรียมส่งออกไปยังปลายทางประเทศเมียนมา ต่อไป

นายวิชัย กล่าวอีกว่า รัฐบาล โดยการผลักดันและเสนอโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดมาตรการควบคุมสารเคมีดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบและอนุมัติแนวทางการควบคุม สารโซเดียมไชยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์ และสารเบนซิลไซยาไนด์ ซึ่งภายหลังมีมาตรการควบคุมสารเคมี กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมศุลกากร จึงได้ชะลอมีการส่งออก สารโซเดียมไซยาไนด์กว่า 220 ตัน

และครั้งนี้อายัดสารเบนซิลไซยาไนด์อีกกว่า 25 ตัน ซึ่งหากตรวจสอบพบว่า การนำเข้าสารเคมีดังกล่าว ไม่ได้ขออนุญาตการนำเข้า – ส่งออกจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือมีเจตนาสำแดงเท็จเป็นสินค้าชนิดอื่น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมและ กรมศุลกากร จะดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานข้อมูลกับประเทศ ต้นทางและประเทศปลายทาง ร่วมตรวจสอบเฝ้าระวังไม่ให้มีการนำสารเคมีไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติดร่วมกันต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในตอนท้ายว่า ในห้วงที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญปัญหาการลักลอบนำเข้ายาเสพติดกลุ่มเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า และไอซ์) จำนวนมาก โดยใน 3 ปีหลังมานี้ มียาบ้าถูกนำเข้าประเทศเฉลี่ยมากกว่าปีละ 450 ล้านเม็ด ไอซ์มากกว่า 21 ตัน แม้ประเทศสมาชิกในลุ่มแม่น้ำโขงจะพยายามสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์แล้วก็ตาม แต่กลุ่มขบวนการผลิตยังสามารถแสวงหาสารเคมีชนิดใหม่มาทดแทนได้ตลอดเวลา รวมถึงสารเบนซิลไซยาไนด์ โซเดียมไซยาไนด์ และเบนซิลคลอไรด์ด้วย ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์พบว่าสารเคมีทั้งสามชนิดนี้สามารถนำไปผ่านกระบวนการผลิตเป็นสารอัลฟา – เฟนิลอาซีโตอาซีโตไนไตล์ (APAAN) ก่อนจะมาเป็นสารเฟนิล – 2 – โพรพาโนน หรือ P2P ซึ่งสาร P2P เป็นสารตั้งต้นสำคัญในกระบวนการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า ไอซ์) ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น